สมาคมเหล็กลวดหนุนเลิกเก็บ AD ไทยผลิตไม่พอใช้ต้องนำเข้า

เหล็ก

สมาคมเหล็กลวดยื่นหนังสือเบรกกรมการค้าต่างประเทศต่ออายุมาตรการเอดีเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ-เหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่เจือธาตุอื่นจีน หลังครบ 5 ปี ชี้หมดเวลาปรับตัวผู้ผลิตยังผลิตไม่พอขาย เป็นเหตุให้ต้องนำเข้าเหล็กจีนแม้บวกภาษีราคาแพงกว่า

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากดำเนินมาตรการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ เหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่เจือธาตุอื่น เหล็กลวดคาร์บอนสำหรับย้ำหัวและงานทุบขึ้นรูปเย็น และเหล็กลวดคาร์บอนสำหรับงานย้ำหัวและงานทุบขึ้นรูปเย็นที่เจือธาตุอื่นที่นำเข้าจากจีน ใน 23 พิกัด ด้วยอัตรา 12.81-31.15% ของราคา CIF มาเป็นเวลาครบ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2559 ถึง 10 มี.ค. 2564

“กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเพื่อทบทวนมาตรการดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาทบทวน โดยหลังจากรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนครบแล้ว กรมจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานต่อไป”

นายเบญจพงษ์ โล่ชิตกุล นายกสมาคมเหล็กลวด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมเหล็กลวดและผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากการเก็บภาษีเอดีสินค้าดังกล่าว ได้เข้ายื่นหนังสือขอคัดค้านและยับยั้งการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ เหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่เจือธาตุอื่น เหล็กลวดคาร์บอนสำหรับงานย้ำหัว และงานทุบขึ้นรูปเย็นที่เจือธาตุอื่น ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยให้เหตุผลว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิตเหล็กในประเทศมีเพียง 5-6 ราย ไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการใช้ที่เริ่มเพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการที่หลากหลายเกรด ชนิด และขนาด ทำให้การผลิตสินค้าเกิดปัญหาไม่ต่อเนื่อง สินค้าขาดตลาดไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการนำเข้ามา

ซึ่งราคาสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่่นำเข้าจากจีนบวกกับเอดี มีราคาที่สูงกว่าราคาเหล็กลวดคาร์บอนต่ำขนาด 5.5 มม. จากผู้ผลิตในประเทศ เช่น ราคาเดือนมกราคม 2564 ราคาเหล็กจากจีน 660 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือ 20.13 บาทต่อกิโลกรัม

เมื่อเทียบราคาเหล็กลวดที่ซื้อในประเทศหรือตัวแทนขายช่วงเวลาเดียวกัน ราคา 17.50 บาทต่อกิโลกรัม หรือบางรายขายที่ 16.50 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น หากเก็บภาษีต่อไปจะกระทบผู้ใช้เหล็กกว่า 2,000 ราย

“การเก็บภาษีเอดีในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา น่าจะเพียงพอที่ทางผู้ผลิตและผู้ประกอบการในประเทศใช้เวลาปรับตัวพัฒนา คุณภาพ ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้แล้ว ทางสมาคมจึงขอคัดค้านและยับยั้งการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่มาจากจีน

เพื่อให้มีการยกเลิกเอดีเป็น 0% เพราะหากยังต่ออายุมาตรการเอดีจะกระทบต่อผู้ประกอบการกว่า 2,000 ราย ไม่ใช่เพียงสมาชิกของสมาคมที่มี 30 รายเท่านั้น แต่ยังมีผู้ประกอบการกลุ่มหลังคาเหล็กซึ่งมีสมาชิก 1,500 ราย ผู้ซื้อและผู้ขายอีก 500 ราย”