โควิดฉุดการใช้พลังงานครึ่งปี 64 โตแค่ 2.8% “น้ำมันเจ็ต” ดิ่ง 53%

ขยายเวลาลดภาษีน้ำมันเครื่องบินไอพ่น
ภาพโดย skipp604 จาก Pixabay

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผย 6 เดือนแรกของปี ภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวในช่วงต้นปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง ขณะที่น้ำมันลดลง 5.5% อุตสาหกรรมการบินอ่วมสุดลดลง 53.0% ชี้พร้อมหารือมาตรการ NGV อุ้มกลุ่มแท็กซี่ ส่วนคาดการณ์ทั้งปีเติบโตแค่ 0.1%

โควิดทุบพลังงานอุตสาหกรรมการบินลด 53.0

วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า 6 เดือนแรกของปี 2564 โดยภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวในช่วงต้นปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวอีกครั้งตามการขยายตัวของการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าซึ่งเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และสาขาเกษตรกรรมที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

วัฒนพงษ์ คุโรวาท

อย่างไรก็ดี จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดระลอก 3 ในเดือนเมษายน 2564 ส่งผลให้ภาครัฐประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค อันส่งผลต่อเนื่องถึงการใช้พลังงานในช่วงไตรมาสที่ 2 โดยสาขาที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนคือสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร รวมทั้งสาขาขนส่ง การขายส่งและการขายปลีก โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อสถานการณ์พลังงานของประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ดังนี้

การใช้น้ำมันสำเร็จรูป ลดลงร้อยละ 3.9 ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ในเดือนเมษายน 2564 และจากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด อาทิ Work From Home และจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัดต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมิถุนายน

โดยการใช้น้ำมันดีเซลลดลงร้อยละ 1.1 เนื่องจากการขนส่งลดลงในช่วงดังกล่าว การใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เนื่องจากการใช้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาสแรกของปี 2564 และลดลงอย่างชัดเจนภายหลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอก 3 สำหรับการใช้น้ำมันเครื่องบิน (เจ็ต) ลดลงร้อยละ 53.0

“การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ลดลงอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง น้ำมันเตา เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 จากการใช้ที่เพิ่มขึ้นของทั้งภาคขนส่ง อุตสาหกรรม และการผลิตไฟฟ้า”

ส่วนการใช้ LPG โพรเพน และบิวเทน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวและฐานการใช้ที่ต่ำมากกว่าปกติในปี 2563 โดยการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 และภาคครัวเรือน มีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 ขณะที่ภาคขนส่ง มีการใช้ลดลงร้อยละ 12.0 ซึ่งลดลงมาอย่างต่อเนื่องจากการที่ผู้ใช้รถยนต์ LPG บางส่วนหันมาใช้น้ำมันทดแทน ประกอบกับข้อจำกัดในการเดินทางตามมาตรการของรัฐ

เล็งหารือคมนาคม-ปตท.อุ้ม NGV กลุ่มแท็กซี่

การใช้ก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 โดยการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเกือบทุกสาขาเศรษฐกิจยกเว้นการใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) การใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการใช้ไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมและการใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 และร้อยละ 6.0 ตามลำดับ ตามการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี

ขณะที่การใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) ลดลงร้อยละ 18.9 ซึ่งลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากผู้ใช้รถยนต์ NGV บางส่วนหันมาใช้น้ำมันทดแทน และโควิด-19 เป็นข้อจำกัดทำให้การใช้ NGV ในการเดินทางลดลง ส่วนการใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว

ทั้งนี้ สนพ.อยู่ระหว่างประสาน กรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และ ปตท. เพื่อหารือถึงแนวทางและมาตรการ NGV ประคองค่าครองชีพสำหรับกลุ่มแท็กซี่ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

เผยค่าไฟฟ้าพีคช่วงเดือนมีนาคม

ด้านการใช้ไฟฟ้า ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบ 3 การไฟฟ้า 1 (System Peak) ของปี 2564 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 เวลา 14.49 น. อยู่ที่ระดับ 31,023 MW เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 โดยการใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ร้อยละ 45 อยู่ในสาขาอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ในครัวเรือนลดลงร้อยละ 1.9 จากฐานปี 2563 ที่ค่อนข้างสูงในช่วงล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว

ประกอบกับในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 เริ่มมีฝนตกทำให้อุณหภูมิไม่สูงนัก การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและการใช้ไฟฟ้าในสาขาธุรกิจลดลงร้อยละ 5.0 จากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 อย่างชัดเจน อาทิ ธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และค้าปลีก และค่าเอฟที ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2564 อยู่ที่อัตรา -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ปรับลดลง 2.89 สตางค์ต่อหน่วย จากรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2563

แนวโน้มการใช้พลังงานทั้งปีโต 0.1

สำหรับแนวโน้มการใช้พลังงานปี 2564 ซึ่ง สนพ. ได้มีการพยากรณ์โดยอ้างอิงสมมุติฐานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงร้อยละ 0.7-1.5 เนื่องจาก (1) แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก (2) แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ และ (3) การปรับตัวตามฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี 2563 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก สศช. คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ในช่วง 62-72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

จากสมมุติฐานดังกล่าว จะส่งผลให้การใช้พลังงานขั้นต้นในปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาการผลิตเพื่อการส่งออกจากเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่เริ่มฟื้นตัว คาดการณ์ว่าการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภทยกเว้นการใช้น้ำมัน

โดยปี 2564 การใช้ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน/ลิกไนต์ คาดว่ามีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และ 1.8 ตามลำดับ ส่วนการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า คาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 ขณะที่การใช้น้ำมัน คาดว่าลดลงร้อยละ 5.5 อันเป็นผลจากการยกระดับมาตรการล็อกดาวน์และการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในเดือนกรกฎาคม 2564

การใช้ LPG ในภาคครัวเรือน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ภาคอุตสาหกรรมและการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 และ 11.5 ตามลำดับ ขณะที่ภาคขนส่งคาดว่ามีการใช้ลดลงร้อยละ 24.0 ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าการใช้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และการใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.4

“สนพ. ยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และปัจจัยอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อการใช้พลังงานของประเทศ อาทิ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก มาตรการในการป้องกัน โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวจากสถานการณ์ประเทศกลุ่มตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด”