สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ปรับเพิ่มเป้าส่งออกปี’64 ทะยาน 12%

สรท. ปรับเป้าส่งออกปี’64 โต 12% เศรษฐกิจคู่ค้าสหรัฐ จีน อียูเริ่มฟื้น วอนรัฐหนุนจัดสรรวัคซีนคุณภาพสูง ช่วยค่าใช้จ่าย Factory Quarantine ป้องกันคลัสเตอร์ภาคการผลิต หวังพยุงเอกชนฝ่าวิกฤต

วันที่ 7 กันยายน 2564 นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. ได้ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 ขยายตัว 10-12% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 7-10%

ชัยชาญ เจริญสุข
ชัยชาญ เจริญสุข

โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญในปี 2564 ได้แก่ การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก อาทิ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ผลจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ตามปกติ และราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวสูงกว่าปีที่แล้วอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มส่งสัญญาณอ่อนตัว

สำหรับภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกรกฎาคม 2564 มีมูลค่า 22,650.83 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 20.27% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 708,651.66 ล้านบาท ขยายตัว 22.16% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนกรกฎาคมขยายตัว 25.38%) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 22,467.37 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 45.94% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 712,613.16 ล้านบาท ขยายตัว 48.22% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2564 เกินดุล 183.46 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากแปลงเป็นเงินบาทขาดดุล 3,961.50 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม) ปี 2564 มีมูลค่า 154,985.48 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 16.20% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 4,726,197.35 ล้านบาท ขยายตัว 13.93% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 152,362.86 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 28.73% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 4,711,274.91 ล้านบาท ขยายตัว 26.34% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยเกินดุล 2,622.62 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 14,922.44 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 2564 ยังคงเป็นผลจาก สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีความรุนแรงในประเทศ ปัญหาการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การยกระดับมาตรการคุมเข้มในการตรวจหาเชื้อโควิดในต่างประเทศ อาทิ ประเทศจีน ที่เพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจโควิดกับสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการหมุนเวียนตู้สินค้า และการส่งออกในบางรายสินค้า การขาดแคลนแรงงาน ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า จากปัจจัยความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของโควิดในประเทศ ส่งผลด้านลบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2564 และปริมาณปัจจัยการผลิตไม่เพียงพอและต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น อาทิ ปัญหาการขาดแคลนชิป สินค้าเหล็ก ผลผลิตทางการเกษตร และอาจมีแนวโน้มยังคงขาดแคลนต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/2564

สรท. มีข้อเสนอแนะ 3 เรื่อง คือ 1.ขอให้รัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 1,000 บาท/คน/ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและภาคการผลิตที่เริ่มเข้ามาตรการ Factory Quarantine (FQ) หรือ Factory Accommodation Isolation ในช่วงตั้งต้นของการดำเนินมาตรการ

2.สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ทางสาธารณสุข อาทิ ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือ Antigen Test Kit (ATK) ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีพนักงานบางส่วนติดเชื้อ และต้องมีการตรวจติดตามพนักงานอื่นที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นระยะ อย่างน้อย 7-14 วันต่อครั้ง ซึ่งเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี รวมถึงขอให้มีการควบคุมราคาชุดตรวจ ATK ให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม

และ 3.เร่งฉีดวัคซีนให้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกให้ครอบคลุมโดยเร็ว เพื่อช่วยให้แรงงานลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและมีรายได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยรักษากำลังซื้อของครัวเรือนทั่วประเทศและพยุงเศรษฐกิจในประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไป