สิงห์รถบรรทุกขู่ขึ้นค่าขนส่ง ดีเซลแพง-1 พ.ย.ดีเดย์หยุดวิ่ง 8 หมื่นคัน

รถบรรทุก3-ประท้วงน้ำมันแพง

สหพันธ์การขนส่งทางบกฯเตรียมแผน 3 “ขึ้นค่าขนส่ง” แน่ หากหยุดวิ่งรถบรรทุก 80,000 คัน ในวันที่ 1 พ.ย. เพื่อเรียกร้องรัฐตรึงราคาดีเซลลิตรละ 25 บาทแล้วไม่สำเร็จ หวั่นกระทบสินค้าอุปโภคบริโภค-สินค้าเกษตร-ก่อสร้าง-รถทัวร์ ขณะที่ “นิ่มซี่เส็ง” เตรียมรัดเข็มขัด พร้อมขึ้นค่าขนส่ง 10-15% เพื่อประคองธุรกิจ

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ รถบรรทุกในเครือข่ายสหพันธ์จะหยุดขนส่ง 20% หรือประมาณ 70,000-80,000 คัน จากจำนวนรถบรรทุกของสมาชิกทั้งหมด 400,000 คัน เป็นเวลา 7 วัน

โดยส่วนใหญ่รถบรรทุกเหล่านี้จะขนส่งสินค้าอุปโภค-บริโภค, สินค้าเกษตร (ข้าว-มันสำปะหลัง-อ้อย), สินค้านำเข้า-ส่งออก, สินค้าอุตสาหกรรมก่อสร้าง (อิฐ-หิน) รวมถึงรถบัสท่องเที่ยว เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการช่วยเหลือบรรเทาภาระต้นทุนผู้ประกอบการขนส่งจากปัญหาราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นตามที่เรียกร้องไปก่อนหน้านี้

โดยขอให้รัฐบาลช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาท ซึ่งจะมาจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 1-2 บาท/ลิตร การยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนด้านพลังงานเป็นระยะเวลา 1 ปี และยกเลิกการใช้ไบโอดีเซลเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะทำช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงได้อีก 1.50-2.00 บาท/ลิตร

“การขอให้ตรึงราคาดีเซลที่ลิตรละ 25 บาท ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจว่าทิศทางราคาน้ำมันขาขึ้น แต่รัฐบาลสามารถลดภาษีสรรพสามิตที่เก็บอยู่ลิตรละ 5 บาท ลงมาสัก 1-2 บาท และเลิกการใช้ B100 ก็จะลดลงมาได้อีก 1.50-2.00 บาท หากช่วยดีเซลลดลงมาได้สักนิดหนึ่งอาจจะได้ลิตรละ 26 บาท แค่หยุดชั่วคราวจนกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ผู้ประกอบการยืนได้ จะกลับไปใช้ใหม่ก็ได้” นายอภิชาติกล่าว

และหากข้อเสนอทั้งหมดของสหพันธ์การขนส่งฯไม่ได้รับการพิจารณา ทางสหพันธ์หารือกันว่า ในวันที่ 14-16 พ.ย.นี้ ทางสหพันธ์จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแสดงพลังอีกครั้ง ด้วยการเคลื่อนขบวนรถบรรทุกแสดงสัญลักษณ์ โดยครั้งนี้จะวิ่งล้อมเมือง-ผ่าเมือง

แต่จะพยายามไม่ให้กระทบการจราจรโดยใช้เลนส์ซ้ายทางเดียว และเคลื่อนที่ไม่หยุด ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่หากมีการแสดงสัญลักษณ์แล้วไม่ได้ผล ทางผู้ประกอบการ “จำเป็น” ต้องใช้มาตรการขั้นสุดท้าย คือ การปรับขึ้นราคาค่าขนส่งบรรทุกสินค้า ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจริง ๆ แนวทางนี้เราสามารถทำได้เลย ไม่ต้องเรียกร้องก็ได้

เพราะราคาค่าขนส่งไม่ได้เป็นบริการควบคุมที่กระทรวงพาณิชย์ดูแล เพียงแค่ประกาศปรับขึ้นก็ทำได้เลย แต่มองว่าการปรับค่าขนส่งขึ้นเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะจะกระทบผู้ผลิตสินค้าต้องปรับราคาสินค้าและกระทบผู้บริโภค

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงผลกระทบหากมีการหยุดวิ่งรถบรรทุก 20% เป็นระยะเวลา 7 วัน จะกระทบต่อผู้ผลิตรายเล็กที่เป็นขาจรรุนแรงมากที่สุด

เพราะรายใหญ่จะมีระบบรถบรรทุกของตัวเองอยู่แล้ว หรือไม่ก็จะมีการทำสัญญากับบริษัทขนส่งแบบรายเดือนและรายปี แต่หากมีการปรับขึ้นค่าขนส่งตามระดับราคาน้ำมันในลำดับต่อไป กลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบ จะเห็นชัดเจนในต้นปี 2565

เพราะตอนนี้มีการทำสัญญาล่วงหน้าไปแล้ว 1-2 ไตรมาส “จึงยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาทันที” โดยต้นทุนค่าขนส่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้าแตกต่างกัน ตั้งแต่ 2-20% แล้วแต่ชนิดสินค้า ระยะทางความห่างไกลของการขนส่งจากต้นทางแหล่งผลิตไปถึงปลายทาง ดังนั้น ผู้จะได้รับผลกระทบหนักสุดน่าจะเป็นอุตสาหกรรมเกษตรที่มีการเน่าเสียง่าย

นายสมเกียรติ มรรคยาธร เลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุง “มาบุญครอง” กล่าวว่า ยังไม่กังวลปัญหาที่จะมีการหยุดขนส่งสินค้าชั่วคราว และการปรับขึ้นราคาค่าขนส่ง เพราะผู้ประกอบการได้เจรจาทำสัญญากันล่วงหน้า 15-30 วัน โดยจะมีการกำหนดรายละเอียดการขนส่ง รวมไปถึงราคาน้ำมันหรือราคาแก๊ส ซึ่งปัจจุบันรถบรรทุกหันมาติดตั้งแก๊สเพิ่มขึ้น

โดยสัดส่วนต้นทุนค่าขนส่งสำหรับผู้ส่งออกข้าวและผู้ผลิตข้าวถุง ถือว่าไม่มากเทียบกับต้นทุนส่วนใหญ่จะเป็นต้นทุนวัตถุดิบข้าว 80%

ส่วนนายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่และผู้ผลิตข้าวถุงแบรนด์จัสมิน กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมรับมือปัญหาการหยุดขนส่งชั่วคราวไว้แล้ว เพื่อส่งมอบสินค้าให้ตรงเวลา เพราะไม่แน่ใจว่าปัญหานี้จะกระทบมากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวมองว่าปัญหานี้ก็อาจจะซ้ำเติมปัจจัยเสี่ยงเรื่องต้นทุนค่าระวางเรือที่ผู้ส่งออกต้องเผชิญอยู่แล้ว แล้วยังมาเจอกับค่าขนส่งที่อาจจะปรับขึ้นราคาอีก

ด้านนายชวลิต สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและพัสดุด่วนทั่วประเทศ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงมากในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทอย่างมาก โดยพบว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นแล้วถึง 40-50% และคาดว่าปัญหาราคาน้ำมันจะกินระยะเวลายาวนานถึงราวไตรมาส 2 ปี 2565

ส่วนกรณีสมาพันธ์รถบรรทุกและสมาคมขนส่งสินค้าในหลายจังหวัดจะรวมตัวเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือตรึงราคาน้ำมันนั้น “ทางนิ่มซี่เส็งขนส่งฯไม่ได้เข้าร่วมรวมตัวด้วยในครั้งนี้”

แต่บริษัทได้เร่งวางแนวทางแก้ปัญหาคือ การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งระบบ และควบคุมค่าใช้จ่ายทุกด้าน และเตรียมปรับขึ้นราคาค่าบริการขนส่งสินค้าราว 10-15% เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่ได้