นักวิชาการแนะเกษตรกรรายย่อยปรับการเลี้ยง ย้ำหมูกินได้ ASF ไม่ติดคน

หมู สุกร

นักวิชาการ ม.เกษตรศาสตร์ ให้ความมั่นใจผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย โรค ASF ป้องกันได้ ต้องรู้และเข้าใจปรับปรุง ฟาร์มป้องกันพาหะนำโรค เลี้ยงได้ อย่างปลอดภัย พร้อมยืนยันโรค ASF ไม่ติดต่อสู่คน ผู้บริโภคไม่ต้องกังวลใจ เน้นปรุงสุกก่อนทุกครั้ง

วันที่ 20 มกราคม 2565 ผศ.น.สพ.ณัฐวุฒิ รัตนวนิชย์โรจน์ รองคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ กำแพงแสน ภาควิชาเวชศาสตร์และทรัพยากรการผลิตสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จากวิกฤตครั้งนี้หลายส่วนที่เกี่ยวข้องและผู้ได้รับผลกระทบคงมีความกังวลเรื่องของการเตรียมรับมือและการปฏิบัติตัว เบื้องต้นที่ต้องทำความเข้าใจมีประเด็นหลัก ๆ คือ การยอมรับและทำความเข้าใจกับโรคนี้เพื่อหาแนวทางแก้ไข อย่างกรณีโรค ASF หรือ African Swine Fever จริง ๆ ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่เหมือนกับโควิด-19

ผศ.น.สพ.ณัฐวุฒิ รัตนวนิชย์โรจน์

โรคนี้พบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1907 หรือเกิดขึ้นมาแล้วประมาณ 100 ปีมาแล้ว เพียงแต่ว่าเพิ่งจะพบการแพร่ระบาดในเอเชียจีน เวียดนาม กัมพูชาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดพบในไทย โรคนี้มีความรุนแรง เมื่อสุกรได้รับเชื้อจะมีอาการป่วยและจะตายอย่างรวดเร็วภายใน 5-7 วันหลังแสดงอาการ และแพร่เชื้อทางอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย น้ำเชื้อ และสามารถแพร่ระบาดในวงกว้าง ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

การป้องกันโรคนี้ต้องรู้จัก “พาหะนำโรค” ก่อน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่สามารถผ่านเข้าไปในโรงเรือน หรือฟาร์ม เป็น พาหะนำโรค ASF ได้ทั้งหมด แม้จะไม่ได้มีอาการป่วยแต่สามารถนำเชื้อไปติดสุกรได้ ยกตัวอย่าง นก สามารถแพร่เชื้อจากโรงเรือนหรือฟาร์มไปสู่อีกที่หนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างไกล หากปล่อยให้นกเข้าไปในโรงเรือน กินอาหารจากสุกรที่ป่วย และบินไปโรงเรือนหรือฟาร์มอื่น ๆ ก็จะนำเชื้อไปแพร่กระจายต่อ

รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อาทิ หนู สุนัข แมว ยุง แมลงสาบ แมลงวัน หรือแม้กระทั่งคนเองก็เป็นพาหะนำโรคได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ อาหารเหลือจากคน เพราะถ้าอาหารนั้นมีการปนเปื้อนเชื้อ ASF แล้วนำไปให้สุกรกิน จะทำให้สุกรมีโอกาสป่วยได้ สุดท้ายคือ กิจกรรมการขนส่งเคลื่อนย้าย หากรถขนส่งหมูมีการปนเปื้อนและเกษตรกรสัมผัส ก็จะติดเชื้อแล้วนำพาเชื้อมาสู่คอกสุกรได้

ผศ.น.สพ.ณัฐวุฒิ รัตนวนิชย์โรจน์ ให้ความมั่นใจว่าเกษตรกรรายย่อยจะสามารถกลับมาเลี้ยงสุกรได้ แต่ต้องปรับรูปแบบการทำฟาร์มสุกรที่จะเปลี่ยนแปลงไป เกษตรกรต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ มีการสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่เคยมีการแพร่ระบาด พร้อมเตรียมระบบการจัดการและแนวทางป้องกันที่ได้มาตรฐานมากขึ้น

ซึ่งการทำระบบ Biosecurity สามารถตอบโจทย์ได้ดี โดยเฉพาะในฟาร์มขนาดเล็ก มีการจราจรน้อยกว่ากลับทำได้ง่ายกว่าฟาร์มใหญ่ ๆ และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีรูปแบบการเลี้ยงที่ตอบโจทย์กลุ่มเกษตรกรมากขึ้น ส่วนเรื่องของวัคซีนยังไม่ใช่ความต้องการลำดับต้น ๆ เนื่องจากวัคซีนทำยาก และการระบาดรุนแรง สุกรส่วนใหญ่เมื่อได้รับเชื้อ จะสามารถสร้างภูมิคุมกันได้ แต่ฆ่าเชื้อไม่ได้ ส่วนมากสุกรตายก่อน เพราะฉะนั้นหลายประเทศจะใช้วิธีทำลาย

ผศ.น.สพ.ณัฐวุฒิ รัตนวนิชย์โรจน์ กล่าวอีกว่า ผู้บริโภคไม่ต้องกังวลว่าจะติดเชื้อ ASF จากเนื้อสุกร หรือไม่ ตอนนี้ให้ยืนยันอีกเป็นร้อยครั้งก็ยังพูดคำเดิมว่าโรค ASF ไม่ติดต่อสู่คน ซึ่งมีการยืนยันโดยองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) แต่เพื่อความมั่นใจผู้บริโภคควรซื้อเนื้อสุกรจากแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ มีตรามาตรฐานกำกับ สังเกตลักษณะของเนื้อสุกรต้องไม่มีสิ่งแปลกปลอม ไม่มีกลิ่นผิดปกติ ล้างเนื้อสุกรให้สะอาดก่อนนำมาประกอบอาหาร และต้องปรุงในอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสระยะเวลาประมาณ 30 นาที หรือ 80 องศาเซลเซียสระยะเวลา 15 นาทีขึ้นไป งดรับประทานอาหารดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะนอกจากเชื้อ ASF แล้วก็ยังมีโรคอื่น ๆ เช่น ไข้หูดับที่รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้