ม็อบรถบรรทุก ผนึกแท็กซี่ ไล่ “สุพัฒนพงษ์” ขีดเส้น 7 วัน ขึ้นค่าขนส่ง 20%

ม็อบบรรทุกผนึกแท็กซี่ – ภาคประชาชน ปักหลักค้างคืนหน้า กระทรวงพลังงาน มุ่งขับไล่ “สุพัฒนพงษ์” พ้นตำแหน่ง หลังแก้ปัญหาราคาน้ำมันไร้ผล ขีดเส้น 7 วัน ขึ้นค่าขนส่ง 20%

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 09.30 น. ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ฯ พร้อมด้วยสมาคมขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออก และเครือข่าย รวมถึงสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย ประมาณ 100 คัน พร้อมใจกันจัดกิจกรรมชุมนุมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกครั้งสุดท้าย(Truck Power Final Season) ณ บริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต ยื่นหนังสือกับผู้แทนกระทรวงพลังงาน

เพื่อทวงถามความคืบหน้าต่อข้อเรียกร้องที่ขอให้รัฐบาลปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีคำตอบหรือการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง และการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเป็นธรรม

โดยการชุมนุมครั้งนี้ ทางเครือข่ายยังแสดงจุดยืนในการร่วมกันขับไล่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ออกจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงได้ ซึ่งบรรยากาศในการชุมนุมมีตัวแทนจะสมาพันธ์ และสมาคม ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัย และมีสมาชิกเครือข่ายเดินถือป้ายต่าง ๆ และธงที่มีข้อความว่า “แพงทั้งแผ่นดิน” เข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมกว่า 200 คน โดยการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกให้รถยนต์ที่สัญจรไปมาทั้งขาเข้าและขาออกบนถนนวิภาวดีรังสิต

นายอภิชาติเปิดเผยว่า สหพันธ์ต้องการให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากบริหารงานผิดพลาดไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างราคาน้ำมันให้ดีขึ้นได้

นอกจากนี้ ต้องการให้รัฐบาลดูแลราคาน้ำมันดีเซล โดยการตรึงไว้ในระดับ 25-27 บาท/ลิตร พร้อมลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และให้ยกเลิกการนำไบโอดีเซลมาผสมกับน้ำมันดีเซลด้วย

“การชุมนุมในวันนี้ (8 ก.พ.) จะปักหลักค้างคืน เพื่อแสดงจุดยืนตามข้อเรียกร้องที่ต้องการให้รัฐบาลตอบรับหรือออกมาตรการมาแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 7 วัน หากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องที่ประกาศไว้ เครือข่ายจะยกระดับการชุมนุมเริ่มจากการปรับขึ้นค่าขนส่ง 15-20% มีผลตั้งแต่วันนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละเครือข่ายสมาคมขนส่งว่าจะปรับขึ้นมากน้อยแค่ไหน” นายอภิชาติกล่าว

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ขึ้นเวลาปราศรัย โดยมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากน้ำมันทุกชนิดลงเหลือ 20 สตางค์ต่อลิตร จาก อาทิ ดีเซลปัจจุบันเก็บภาษีสูงถึง 5.99 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ให้เท่ากับภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากน้ำมันเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งรัฐลดภาษีให้กลุ่มธุรกิจการบินเพียงไม่กี่บริษัทได้รับประโยชน์

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันราคาเนื้อน้ำมันดิบต้นทุนอยู่ที่ 19 บาท/ลิตร น้ำมันหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ 22 บาท/ลิตร แต่ราคาเนื้อน้ำมันหน้าปั๊มในประเทศไทย 24 บาท ซึ่งเป็นราคาที่บวกค่าขนส่ง ค่าประกันและอื่น ๆ สร้างรายได้สูงสุด 1 ใน 5 ของประเทศ เป็นสูตรต้นทุนเทียมที่จูงใจทุกรัฐบาลไม่ยอมยกเลิกสูตรนี้มานาน 20 ปีแล้ว แต่กลับปกป้องสูตรต้นทุนเทียมนี้แบบเอาเป็นเอาตาย นานเท่าไหร่ก็ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง

“รัฐบาลมองไม่เห็นหัวประชาชน ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับราคาพลังงาน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 7-8 ปี เรายังไม่เคยได้ความสุขคืนกลับมา หากรัฐบาลไม่สามารถลดอัตราภาษีสรรพสามิตตามข้อเรียกร้อง

เท่ากับเป็นบทพิสูจน์ว่ารัฐบาลถูกแทรกแซงโดยเครือข่ายของกลุ่มธุรกิจพลังงาน เป็นกลุ่มคนระดับสูงที่แทรกซึมอยู่ในองคาพยพของระบบเศรษฐกิจ ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้มี รมว.พลังงาน ที่ส่งตรงมาจากกลุ่มทุนพลังงานอย่างชัดเจน ซึ่งในอนาคตควรมีข้อบังคับกำหนดว่าไม่ให้ข้าราชการมาจากกลุ่มทุน และไม่ให้รับตำแหน่งนั่งอยู่ในบอร์ดของบริษัทเอกชนด้วย”

ด้านนายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นตัวแทนรับหนังสือ ซึ่งมีข้อเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจีสำหรับรถยนต์) ลงอยู่ที่ 9 บาท/กิโลกรัม นาน 3-6 เดือน หรือจนกว่าภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ จากปัจจุบันราคาเอ็นจีวีอยู่ที่ 15.60 บาท/กก. และแอลพีจีอยู่ที่ 13.50 บาท/กก. และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

“ขณะนี้คนขับรถแท็กซี่มีรายได้ประมาณ 800 บาท แบ่งเป็นค่าเชื้อเพลิง 500 บาท เหลือ 300 บาท หักค่าข้าวค่าน้ำ เหลือเงินเข้าบ้านไม่ถึง 100 บาท ถ้าเป็นแท็กซี่เช่าซื้ออยู่ไม่ได้แน่นอน จึงอยากให้กระทรวงพลังงานเร่งช่วยเหลือ แต่ถ้าไม่ได้รับการตอบรับข้อเสนอ ทางสมาคมจะจอดแท็กซี่ทิ้งไว้บริเวณรอบกระทรวงพลังงาน เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์”