
สทนช.จับมือ GIZ-จุฬาฯ ถกจัดตั้งกองทุนน้ำ เผยคณะทำงานลงความเห็นตรงกันถึงประโยชน์รักษากลไก เพื่อความยั่งยืน พร้อมระดมความคิดหาแนวทางจัดเก็บและจัดสรรที่เหมาะสม ตามเก็บค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ (หมวดที่ 4) ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561
วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 รายงานข่าวระบุสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ ได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนน้ำ (Water fund) จากการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ (หมวดที่ 4) ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เข้าบัญชีวันนี้ 5 จังหวัด
- วิธีเช็กเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท chongkho.inbaac.com
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งนี้ เป็นผลจากที่ สทนช.ได้ร่วมมือทางวิชาการกับ GIZ ในการบูรณาการดำเนินงานด้านบริหารทรัพยากรน้ำภายใต้บริบท
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเล็งเห็นความสำคัญของการเตรียมความพร้อม และสร้างโอกาสให้กับประเทศเสริมสร้างการตอบสนองต่อภัยคุกคาม จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
เพื่อบรรลุเป้าหมายภายใต้พันธกรณีของข้อตกลงปารีส หรือ Paris Agreement ซึ่งการเตรียมความพร้อมดังกล่าวครอบคลุมประเด็นเรื่องการเงิน ที่มุ่งเป้าเพื่อพัฒนากลไกทางการเงินในการจัดการความท้าทายด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ
“ปัจจุบัน ประเทศไทยได้กำหนดบทบัญญัติสำหรับการจัดสรรและการใช้น้ำ ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 หมวดที่ 4 โดยให้อำนาจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บค่าใช้น้ำ เป็นปัจจัยส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและจัดสรรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการจัดทำกระบวนการเพื่อรองรับการจัดการค่าใช้น้ำให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย สทนช.จึงใช้โอกาสที่มีความร่วมมือกับ GIZ ให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้จากต่างประเทศ ในด้านการประเมินกระบวนการจัดเก็บและจัดสรรค่าน้ำ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลไกทางการเงิน
สำหรับบริหารจัดการค่าน้ำของประเทศ เพื่อยกระดับการจัดการน้ำ ส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารทรัพยากรน้ำให้เกิดความพร้อม สามารถตั้งรับปรับตัวเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่าง ๆ” เลขาธิการ สทนช.กล่าว
ทั้งนี้ คณะทำงานร่วมด้านวิชาการในโครงการการจัดหาเงินทุนเพื่อดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ระหว่าง TGCP-Water (GIZ) และ สทนช. ทำการศึกษา เรื่อง Climate Finance ในภาคส่วนน้ำ พบว่า ในการกำหนดการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ (หมวดที่ 4) ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ควรมีการศึกษาเครื่องมือ หรือกลไกในการบริหารจัดการค่าธรรมเนียม
โดยกองทุนน้ำอาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถใช้เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมของการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และอาจรวมถึงการสนับสนุนการอนุรักษ์ และรักษานิเวศบริการ ทั้งอาจเป็นกลไกในการดำเนินการด้านการเงินระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน สร้างความมั่นคงด้านน้ำได้ คณะทำงานเห็นถึงประโยชน์ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนน้ำ
“เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการดำเนินการในระดับสากล ด้านการจัดเก็บและจัดสรรเงินทุนจากค่าใช้น้ำที่เหมาะสม สำหรับการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลไกทางการเงินสำหรับบริหารจัดการค่าน้ำของประเทศไทยที่สอดคล้องกับนโยบายการบริหารทรัพยากรน้ำในทุกระดับในอนาคต คือเป้าหมายสำคัญของการจัดประชุมในครั้งนี้” เลขาธิการ สทนช.กล่าว