เงินเฟ้อไทย พ.ค. 65 พุ่ง 7.10% สูงสุดในรอบ 13 ปีน้ำมัน-ขนส่ง-สินค้าแพง

น้ำมัน เงินเฟ้อ

สนค. เผยเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม 2565 พุ่ง 7.10% สูงสุดในรอบ 13 ปี ผลจากราคาพลังงานกระทบต่อการผลิต สะสม 5 เดือน ทะลุเป้า 5.19% แล้ว ขนส่ง-ราคาสินค้าแพง แต่เงินเฟ้อไทยยังต่ำเทียบเพื่อนบ้าน

วันที่ 6 มิถุนายน 2565 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนพฤษภาคม 2565 เท่ากับ 106.62 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.10% และเป็นการสูงขึ้นในรอบ 13 ปี และหากเทียบกับเดือนก่อนหน้าสูงขึ้น 1.40%

ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่สูงขึ้นก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับหลายประเทศที่เงินเฟ้อสูงขึ้น ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 5.19% เงินเฟ้อเดือนนี้ที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการขนส่ง การผลิต และราคาสินค้า แต่ทั้งนี้ หากเทียบเงินเฟ้อไทยกับทั่วโลก อาเซียน ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ทั้งสหรัฐ ยุโรป เป็นต้น

“เงินเฟ้อของต่างประเทศเดือนเมษายน 2565 เช่น ยุโรป 19 ประเทศ เงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 7.4% สหรัฐ เงินเฟ้อ 8.3% อินเดีย เงินเฟ้อ 7.7% หรือประเทศที่อยู่ใกล้ไทย เช่น มาเลเซีย เงินเฟ้อ 2.3% สปป.ลาว เงินเฟ้อ 9.86% ฟิลิปปินส์ เงินเฟ้อ 4.9% จีน เงินเฟ้อ 2.1% ญี่ปุ่น เงินเฟ้อ 2.5% อินโดนีเซีย เงินเฟ้อ 3.47% เป็นต้น ยังเป็นเงินเฟ้อเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเดือนพฤษภาคม ยังไม่ได้ประกาศ”

สำหรับปัจจัยหลักที่กระทบเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ คือ ราคาพลังงานและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก การยกเลิกการตรึงราคาก๊าซหุงต้มทำให้ราคาทยอยปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได และการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) นอกจากนี้ ฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างต่ำ จึงมีส่วนทำให้เงินเฟ้อในเดือนนี้อยู่ที่ 7.10%

อย่างไรก็ตาม ข้าวสาร เครื่องนุ่งห่ม ค่าเช่าบ้าน การศึกษา ราคายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 2.28% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่น กลุ่มพลังงาน สูงขึ้น 37.24% โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้นถึง 35.89% ปรับสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก ค่ากระแสไฟฟ้า สูงขึ้น 45.43% ตามการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 และราคาก๊าซหุงต้ม สูงขึ้น 8.00% จากการทยอยปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2565

กลุ่มอาหาร สูงขึ้น 6.18% อาทิ เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ ราคาเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนการเลี้ยง ผักสด ราคาเปลี่ยนแปลงตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาด ส่วนเครื่องประกอบอาหาร อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่ม ไม่มีแอลกอฮอล์ ราคาปรับขึ้นตามต้นทุน สินค้าอื่น ๆ อาทิ ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (แชมพู ยาสีฟัน สบู่ถูตัว) ราคาปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากสิ้นสุดโปรโมชั่น นอกจากนี้ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยารีดผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม) ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (บุหรี่ เบียร์ สุรา) ราคาทยอยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สินค้าสำคัญอีกหลายรายการราคายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มข้าวแป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลดลง 2.81% โดยเฉพาะราคาข้าวสาร ราคาปรับลดลงเนื่องจากปริมาณผลผลิตมีจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมา การศึกษา ลดลง 0.65% ตามค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ปรับลดลงทุกระดับชั้น เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลดลงเล็กน้อย 0.06% (กางเกงขายาวบุรุษ และเสื้อสตรี) ราคาเปลี่ยนแปลงตามการจัดโปรโมชั่นเป็นสำคัญ

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ เดือนมิถุนายน 2565 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีการขยายเพดานการตรึงราคาน้ำมันดีเซล การปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) เพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนนี้ และการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft)

นอกจากนี้ สินค้าอุปโภค-บริโภค โดยเฉพาะอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปที่ปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต รวมถึงต้นทุน การขนส่งและโลจิสติกส์ การระงับการส่งออกสินค้าในหลายประเทศ และอุปสงค์ที่เริ่มฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว และการส่งออก จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อทั่วไปของไทยยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ปี 2565 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 4.0 – 5.0% (ค่ากลางอยู่ที่ 4.5) ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง ส่วนการคาดการณ์เงินเฟ้อ ไตรมาส 2 มองว่าจะมากกว่า 4% แต่ทั้งนี้ก็รอประเมินเงินเฟ้ออีกครั้ง

ส่วนไตรมาส 3 หากทิศทางราคาน้ำมันยังสูงขึ้น ก็เชื่อว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในอัตราที่สูงอยู่ แต่ก็ยังคงต้องติดตามและจากรายงานพบว่าสหรัฐจะเข้าพบซาอุฯ ซึ่งมีความคาดหวังว่าจะหารือด้านพลังงานก็อาจจะส่งผลดี แต่อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าทั้งปีเงินเฟ้อไม่ถึง 6-7% แน่นอน และยังไม่มีการเป้าหมายเงินเฟ้อแต่ก็ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด