มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศของประเทศ ประกาศขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2035
วันที่ 6 มีนาคม 2566 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย โดยจัดประชุมทางวิชาการ ครั้งที่ 61 “เกษตรศาสตร์เพื่อมวลชน : พัฒนาศาสตร์แห่งแผ่นดิน สู่สุขภาวะอย่างยั่งยืน” “KASETSART for AIl : Expanding Knowledge of the Land towards Sustainable well-being”
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้มีการดำเนินงานตามกรอบแนวคิดของมหาวิทยาลัยสีเขียว (UI Matric Green University) จากเกณฑ์การประเมิน 6 ด้าน คือ
- สถานที่ตั้งและระบบสาธารณูปโภค
- การจัดการพลังงานและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
- การจัดการขยะหรือของเสีย
- การใช้น้ำ
- การจัดการระบบขนส่ง
- การศึกษา/การวิจัย
จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับที่ 1 ของไทย 2 ปีซ้อน คือในปี 2021 และปี 2022 ถือเป็นสถาบันการศึกษาสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก อันดับที่ 40 มหาวิทยาลัยสีเขียวโลก
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนองตอบต่อนโยบายก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย พร้อมกับวาระพิเศษ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้ประกาศกำหนดนโยบายและเป้าหมายในการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2035 โดยกำหนดแผนงานเชิงกลยุทธ์การจัดการก๊าซเรือนกระจก ดังนี้
- มิติพลังงาน โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอาคาร การใช้พลังงานหมุนเวียน (Solar roof, Wind farm) การใช้รถโดยสารสวัสดิการภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แบบไฟฟ้า เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งปล่อยหลัก
- มิติป่าไม้และพื้นที่สีเขียว โดยการประเมินความสามารถในการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์จากพื้นที่ป้าไม้และสีเขียวของ 5 วิทยาเขต และ 26 สถานีวิจัย รวมประมาณ 13,000 ไร่ และเพิ่มพื้นที่อันเป็น การเพิ่มศักยภาพในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์
- มิติการทำการเกษตร โดยการสนับสนุนการเกษตรแบบแม่นยำ การใช้ปุ๋ยสั่งตัด การงด การเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตรกรรม วิธีการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง การทำนาที่ยั่งยืน การนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ตลอดจน การพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรอาหารคาร์บอนต่ำ
- มิติขยะและน้ำเสีย โดยการลดปริมาณการเกิดขยะที่แหล่งกำเนิด การคัดแยกขยะเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้ง การลดปริมาณการเกิดน้ำเสีย การปรับปรุงเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสีย
ดร.จงรักกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการริเริ่มแนวคิด Carbon Neutrality และเป็นต้นแบบแห่งการเรียนรู้ให้กับสังคม ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการจัดงานคาร์บอนนิวทรัลเกษตรแฟร์ (Carbon Neutral Kaset Fair) เพื่อประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการจัดงานเกษตรแฟร์ โดยคณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินการร่วมกับนิสิตจิตอาสา จำนวน 75 คน จากนั้น ทำการชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด โดยการจัดซื้อคาร์บอนเครดิตขึ้นทะเบียนกับ TGO
การดำเนินงาน SDG 13 : Climate Action ในปีนี้ จะมีการจัดทำข้อมูลเส้นฐานปริมาณ การปล่อยก๊าชเรือนกระจก เพื่อประเมินค่าคาร์บอนฟูตพริ้นท้ องค์กรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งที่เป็นแหล่งปล่อยและแหล่งกักเก็บจากพื้นที่ สีเขียว ครอบคลุมขอบเขตทุกคณะ สำนัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นับรวมทั้ง บางเขนวิทยาเขตกำแพงแสน ศรีราชา สกลนคร และสุพรรณบุรี ตลอดจน 26 สถานีวิจัย
ทั้งนี้ กระบวนการก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มี 4 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นที่ 1 คำนวณค่าเส้นฐาน (Baseline emissions) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมทั้งหมดของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยกำหนดปีฐาน คือ ปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566)
ขั้นที่ 2 จัดทำมาตรการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ มาตรการเพิ่มศักยภาพในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ดำเนินการโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสิ่งแวดล้อม คณะเกษตร และคณะวนศาสตร์
ขั้นที่ 3 ประเมินปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกจากมาตรการดังกล่าวข้างต้น
ขั้นที่ 4 จัดทำรายงานแสดงปริมาณการปล่อย ปริมาณการกักเก็บ และปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก เทียบกับค่าเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก