ก.ค.ศ.อนุโลมใช้เกณฑ์ ก.พ.คัด ขรก.ประเมินบุคลากรเขต พท.เพื่อคล่องตัว

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน น.ส.อุษณีย์ ธโนศวรรย์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้สำรวจกรอบอัตรากำลังในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ภายหลังการปฏิรูปการศึกษาในส่วนภูมิภาค ตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งที่ผ่านมา ก.ค.ศ.ได้ทบทวนบทบาทภารกิจของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และกำหนดกรอบอัตรากำลังตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค (2) ของ สพท.ให้เหมาะสมกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนไป โดยถ่ายโอนอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา มาเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ทั้งนี้ กรอบอัตรากำลังดังกล่าว เป็นกรอบที่ใช้ในระยะแรกโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดให้คำสั่งมีผลพร้อมกันในวันที่ 31 สิงหาคม 2561 และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี จะมีการติดตามการปฏิบัติงาน และภาระงานที่แท้จริง เพื่อปรับปรุงกรอบอัตรากำลังให้มีความเหมาะสม

“ที่ผ่านมา ศธจ.ต่างๆ มีคำสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรา 38 ค (2) ใน สพท.ไปดำรงตำแหน่งตามกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ.กำหนดใหม่แล้ว และ ก.ค.ศ.ได้ตอบรับทราบคำสั่งดังกล่าว จึงได้ตรวจสอบ พบว่าหลายพื้นที่ยังมีตำแหน่งว่างอีกมากที่สามารถสรรหาบุคลากรมาดำรงตำแหน่งที่ว่าง และมีอัตราเงินเดือนให้เต็มกรอบอัตรากำลัง เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากร โดยที่ผ่านมา ก.ค.ศ.ได้ให้คำแนะนำการบริหารบุคลากรไปยัง ศธจ.ต่างๆ โดยดำเนินการได้หลายวิธี นอกเหนือจากการสอบแข่งขัน อาทิ กรณี กศจ.ไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หรือบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก ก็ขออนุมัติ กศจ.นำตำแหน่งว่างที่มีกรอบอัตราเงินเดือน มาดำเนินการสรรหาโดยการย้าย โดยไม่ต้องขออนุมัติจาก ก.ค.ศ.ยกเว้นกรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนด” น.ส.อุษณีย์ กล่าว

น.ส.อุษณีย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ก.ค.ศ.ยังอนุมัติให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินบุคคล เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) มาใช้สำหรับตำแหน่ง 38 ค (2) โดยอนุโลม เพื่อสนับสนุนการวางแผนกำลังคน และสร้างความต่อเนื่องในการปฏิบัติราชการ ระดับชำนาญการพิเศษที่จะว่างเนื่องจากเกษียณอายุราชการ ซึ่งดำเนินการได้ล่วงหน้าไม่เกิน 6 เดือน ก่อนที่ผู้อยู่ในตำแหน่งเดิมจะเกษียณ นับถึงวันที่ 1 ตุลาคม ของปีงบประมาณถัดไป รวมทั้ง ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ ที่ว่างเพราะเหตุอื่น ที่ผู้ดำรงตำแหน่งเดิมต้องพ้นจากราชการไปก่อนเกษียณ หลักเกณฑ์ และวิธีการนี้ ช่วยให้ สพท.คล่องตัวในการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งที่ว่างได้อย่างรวดเร็ว

“ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก 3 เดือนก่อนสิ้นปีงบ ที่ สพท.จะสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ ทดแทนตำแหน่งที่จะว่างจากอัตราเกษียณ ทั้งตำแหน่งผู้ปฏิบัติงาน และผู้อำนวยการกลุ่ม เชื่อว่าจะแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรได้ระดับหนึ่ง ก่อนที่จะมีการทบทวนบทบาท ภารกิจ และกรอบอัตรากำหนดใหม่ ที่เหมาะสมกับภาระงานที่แท้จริงต่อไป” น.ส.อุษณีย์ กล่าว

 


ที่มา : มติชนออนไลน์