‘อเมริกา’ เสริมพลังเด็กไทยด้วย soft skills ฉลองเดือนประวัติศาสตร์สตรี

สถานทูตอเมริกา เสริมพลังเด็กผู้หญิงไทยด้วย soft skills ฉลองเดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรี ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อให้คุณค่าและพัฒนาศักยผู้หญิง ผ่านเวิร์กชอปโดยหน่วยงาน EducationUSA Thailand

เดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรี

“วันสตรีสากล” หรือ International Women’s Day ที่แต่เดิมมีชื่อว่า “วันแรงงานสตรีสากล” คือวันที่ 8 มี.ค. ของทุกปี เป็นวันที่แสดงการยอมรับความสำเร็จของผู้หญิง และการให้ความนับถือพวกเธอ โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างที่หลากหลาย (diversity) ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ ภาษา วัฒนธรรม ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือความคิดเห็นการเมือง

แนวคิดวันสตรีสากลได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “วันสตรีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา” ที่ประกาศโดยพรรคสังคมนิยมของสหรัฐอเมริกา (The Socialist Party of America) ให้จัดขึ้นวันที่ 28 ก.พ. 2452 เพื่อเป็นเกียรติต่อการประท้วงเพื่อความเป็นธรรมของแรงงานหญิงในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2407 แรงงานหญิงที่ทำงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในนครนิวยอร์ก พากันประท้วงสภาพการจ้างงานของนายจ้างที่ไร้มนุษยธรรม และให้ค่าแรงต่ำกว่ามาตรฐาน แต่การชุมนุมในครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เพราะถูกสลายการชุมนุมโดยตำรวจ

หลังจากนั้นการเคลื่อนไหวยังคงดำเนินต่ออยู่เรื่อย ๆ และเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2541 มีการเดินขบวนครั้งใหญ่ในนครนิวยอร์กอีกครั้ง โดยผู้หญิงราว 15,000 คน ออกมาเรียกร้องชั่วโมงการทำงานที่สั้นลง ให้เหลือวันละ 8 ชั่วโมง ค่าจ้างที่ดีขึ้น มีสิทธิในการออกเสียง และการยุติการใช้แรงงานเด็ก

ในการเดินประท้วงแต่ละครั้ง ผู้ร่วมขบวนมักจะชูสโลแกน “Bread and Roses” โดย “ขนมปัง” สื่อถึงค่าจ้างในการดำรงชีวิต และ “กุหลาบ” หมายถึงความปรารถนาของคนงานเรื่องศักดิ์ศรีแห่งชีวิตและการปฏิบัติอย่างเคารพ ซึ่งมีความหมายโดยรวมประมาณว่า “ผู้หญิงทำงานเพื่อแลกขนมปังมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่ก็ต้องการได้รับการดูแลที่ดีเหมือนดอกกุหลาบหลาบเช่นกัน”

ที่มาภาพ: Wikimedia Commons

ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าของสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2454 เพราะโรงงาน Triangle Shirtwaist Company ในนิวยอร์กซิตี้ถูกไฟไหม้ คร่าชีวิตคนงานที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงไปกว่า 146 คน โศกนาฏกรรมดังกล่าวนำไปสู่การพัฒนาชุดกฎหมาย และข้อบังคับที่ช่วยปกป้อง ความปลอดภัยของคนงานในโรงงาน

จากวันสตรีแห่งชาติ ก็ได้ขยายเป็นวงกว้าง กลายเป็นแนวคิดที่แพร่กระจายไปทั่วยุโรป และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจาก “องค์การสหประชาชาติ” (United Nations – UN) ในปี 2520 ให้วันที่ 8 มี.ค. ของทุกปีเป็นวันสตรีสากล เพื่อจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวเพื่อผู้หญิงทั่วโลก

ปี 2530 “สหรัฐอเมริกา” ได้ถือให้เดือนมีนาคมของทุกปี เป็น “เดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรีWomen’s History Month” เพื่อเฉลิมฉลองการมีส่วนร่วมในสังคมของสตรีในสหรัฐอเมริกา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงสร้างความตระหนักเรื่องความเสมอภาคทางเพศ และสิทธิที่ผู้หญิงควรจะได้รับอย่างเท่าเทียมกับเพศอื่น ๆ

และนับตั้งแต่นั้นมักจะกำหนดหัวข้อประจำปีสำหรับการเฉลิมฉลองเดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรีต่างกันออกไป เช่น Generations of Courage, Compassion, and Conviction ในปี 2530, Writing Women Back into History ในปี 2553 และ Valiant Women of the Vote ในปี 2563 เป็นต้น

กิจกรรมเพื่อผู้หญิงไทย

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย ได้จัดหลายกิจกรรมที่แสดงออกถึงการให้คุณค่าผู้หญิง และพัฒนาศักยภาพผู้หญิงไทย โดยหนึ่งในกิจกรรมคือ “เวิร์กชอปหัวข้อ Soft Skills” ที่จัดโดยหน่วยงานด้านวัฒนธรรม และการศึกษา สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย (EducationUSA Thailand) ในวันที่ 27 มี.ค. 2564 ที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค

เด็บบาร่า แมค รองผู้ช่วยทูตฝ่ายสื่อมวลชนและวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย

“เด็บบาร่า แมค” รองผู้ช่วยทูตฝ่ายสื่อมวลชนและวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย บอกกับประชาชาติธุรกิจว่า เวิร์กชอปหัวข้อ Soft Skills เป็นกิจกรรมเตรียมศักยภาพให้เยาวชนหญิงชาวไทย ที่อยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ให้มีความพร้อมก่อนก้าวไปสู่การเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย ระดับมหาวิทยาลัย หรือการทำงาน ทั้งยังต้องการแสดงให้สังคมเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ทักษะการสื่อสาร (communication) และการคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking)

เวิร์กชอปครั้งนี้มีนักเรียนระดับ ม.ต้น ประมาณ 40 คนเข้าร่วม ประกอบด้วยนักเรียนที่เคยเข้าร่วมโครงการ Embassy’s English Access Program ซึ่งเป็นโปรแกรมสอนพื้นฐานทักษะภาษาอังกฤษแก่นักเรียนที่ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ และนักเรียนจากโรงเรียนอื่น ๆ

“เด็กผู้หญิงกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านวัฒนธรรมมากมาย เราหวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะช่วยให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้นำในอนาคต เป็นผู้ที่จะกำหนดรูปแบบของประเทศไทยทั้งด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ”

สถานทูตสหรัฐอเมริกาจึงอยากจุดประกายให้พวกเขา ค้นหาเสียงของตนเอง หรือหาสิ่งที่รักที่จะทำ และช่วยพัฒนาทักษะให้พร้อมเผชิญกับความท้าทาย ทั้งนี้ วางแผนที่จะเข้าถึงนักเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมต่าง ๆ ให้มากขึ้นในอนาคต

Soft Skills เครื่องมือเสริมพลัง

ดร.วิมวิริยา ลิ่มกังวาฬมงคล วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการอบรมซอฟท์สกิล

เวิร์กชอปหัวข้อ Soft Skills มี “ดร.วิมวิริยา ลิ่มกังวาฬมงคล” ซึ่งเป็นผู้จบการศึกษาปริญญาเอก สาขาการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ชิคาโก สหรัฐอเมริกา และเป็นผู้เชี่ยวชาญการอบรมทักษะซอฟท์สกิล มาเป็นวิทยากร นอกจากนี้ยังมี Google Certified Trainer มาเสริมทักษะความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับจริยธรรมออนไลน์ และความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต ภายใต้หลักสูตรที่มีชื่อว่า Be Internet Awesome (BIA) ด้วย

“ดร.วิมวิริยา” กล่าวว่า ด้วยความที่เคยศึกษาที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้เข้าใจการศึกษาอเมริกัน โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมทักษะ soft skills (ทักษะด้านอารมณ์และการบริหารจัดการความคิด) สำหรับทุกวัยและทุกวิชาชีพ รวมถึงความเท่าเทียมกันทางเพศผ่านการณรงค์ต่าง ๆ

“soft skills เป็นเครื่องมือช่วยปลุกความเชื่อมั่น และเสริมพลังของผู้หญิง โดยเฉพาะเยาวชนผู้หญิงในระดับ ม.ต้น ซึ่งเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงจากวัยเด็กไปสู่วัยรุ่น เวิร์กชอปนี้จะช่วยพัฒนาให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงานกลุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน หรือแม้แต่การทำกิจกรรมกับเพื่อนต่างโรงเรียน”

โดยเฉพาะทักษะความคิดเชิงวิพากษ์ ที่สามารถนำไปใช้ในการสื่อสารและโน้มน้าว เพราะใช้หลักฐานมาแสดงเหตุและผล ทำให้การสื่อสารมีความน่าเชื่อถือ และผู้พูดจะกลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือ

เด็ก ๆ ฝึกการพูดในที่สาธารณะ

“ดร.วิมวิริยา” อธิบายว่า ทางทีมงานตั้งใจสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในเวิร์กชอปนี้ให้เป็น safe zone ของเด็ก ๆ สนับสนุนให้พวกเขากล้าแสดงความคิดเห็นต่อหน้าผู้อื่น รวมถึงพร้อมรับฟังความคิดเห็นและความรู้สึกของผู้อื่นด้วย

“เราให้เด็ก ๆ ออกมายืนต่อหน้าคนหลายคน ถือไมโครโฟนและแนะนำตัวเอง พูดถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด เรื่องที่ภูมิใจหรือเรื่องที่ประสบความสำเร็จ และเป้าหมาย นอกจากนั้น ยังได้ฝึกการพูดคุยกับเพื่อน ๆ ต่างโรงเรียนด้วยภาษาพูดและภาษากายที่แสดงถึงความสุภาพ และให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งยังได้เรียนรู้วิธีการฟังเพื่อเข้าใจสารของคนอื่น และทำให้คนอื่นรับรู้ว่า สิ่งที่พูดได้รับการรับฟัง รวมถึงกล้าแสดงความรู้สึก และเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง”

การเสริมทักษะเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเวลาในการบ่มเพาะ และฝึกฝน เป็นโอกาสดีที่เด็กไทยได้เรียนรู้ตั้งแต่อายุน้อย เพื่อจะได้ฝึกฝนให้ตัวเองให้มีความสามารถในทักษะนั้นต่อไปจนเกิดความชำนาญ และมีแนวโน้มเป็นเยาวชนที่มีคุณภาพของสังคม

วันสตรีสากล 8 มี.ค. ส่องแนวคิดการทำงานผู้หญิงเก่ง ไทย-ต่างประเทศ