ศบค. เห็นชอบแผนความพร้อมด้านสาธารณสุข เตรียมการเรียนแบบ On Site ภาคเรียนที่ 1/2565 เดือนพฤษภาคม
วันที่ 22 เมษายน 2565 เวลา 09.่00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 7/2565 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ที่ประชุมได้เห็นชอบการมาตรการเตรียมความพร้อม ด้านสาธารณสุข สำหรับการเปิดภาคเรียน เดือนพฤษภาคม 2565 ดังนี้
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถานศึกษาประเมินตนเองเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ผ่าน TSC+ (Thai Stop COVID PUS)
- นักเรียนอายุ 12-17 ปี ได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น (เข็ม 3) ผ่านระบบสถานศึกษา และเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุ 5-11 ปี ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก
- นักเรียน ครู บุคลากร ปฏิบัติตามมาตรการ 6-6-7 อย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่าง สวม หน้ากาก 100% ล้างมือ ตรวจหาเชื้อด้วย ATK เมื่อมีอาการหรือเสี่ยง หลีกเลี่ยงรวมกลุ่มกัน
- กรณีนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
มาตรการโรงเรียนประจำ
- เน้นมาตราการ Sandbox Safety Zone in School
- กรณี ครู นักเรียนหรือบุคลากรเป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ทำตามมาตรการ universal prevention และประเมิน Thai Save Thai (TST) เว้นระยะห่างของนักเรียนในห้อง ไม่น้อยกว่า 1 เมตร
กรณี ครู หรือบุคลากร เสี่ยงสูง
- จัดการเรียนการสอน ปฏิบัติงาน ทำกิจกรรม ใน Quarantine Zone ตามมาตรการ Sandbox Safety Zone in School เป็นเวลา 5 วัน และให้ติดตามสังเกตอาการอีก 5 วัน
- การตรวจคัดกรองหาเชื้อ ถ้ามีอาการให้ตรวจทันที และให้ตรวจครั้งที่ 1 ในวันที่ 5 หลังสัมผัสผู้ ติดเชื้อและตรวจครั้งสุดท้ายวันที่ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ
- กรณีนักเรียนได้รับวัคซีนครบตาม คำแนะนำในปัจจุบัน และไม่มีอาการไม่แนะนำให้กักตัวให้ตรวจ ATK ช้ำในวันที่ 5 หรือมีอาการ และแยกกักกันให้สังเกตอาการครบ 10 วัน พร้อมปฏิบัติตัวตามมาตรการขั้นสูงสุด
กรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากร ติดเชื้อ
- พิจารณาร่วมกับหน่วยบริการสาธารณสุข หรือคณะกรรมการโรคติดต่อ แยกกักตัวที่โรงเรียน (School Isolation)
- ปฏิบัติตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข (กรณีไม่มีอาการหรือมี อาการเล็กน้อยให้จัดการเรียนการสอนได้ตามเหมาะสม)
- เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร
- งด กิจกรรมกรรมรวมกลุ่ม เน้นการระบายอากาศ โดยปฏิบัติตาม UP-DMHTA อย่างเคร่งครัด
- ติดต่อ 1330 สปสช. ต่อ 14 หรือหน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่ ตามระบบอนามัยโรงเรียน
- ทำความสะอาดห้องเรียน ชั้นเรียน สถานศึกษาตามมาตราการของกระทรวงสาธารณสุข และ เปิดเรียนตามปกติ
มาตรการโรงเรียน ไป-กลับ
กรณี ครู นักเรียนหรือบุคลากร เสี่ยงต่ำ
- เรียนในพื้นที่สถานศึกษา (On-Site) ตามปกติ
- ทำตามมาตรการ Universal Prevention และประเมิน Thai Save Thai (TST)
- จัดระยะห่างระหว่างนักเรียนในห้องไม่น้อยกว่า 1 เมตร
กรณี ครู หรือบุคลากร เสี่ยงสูง
- แยกกับตัวที่บ้านหรือสถานที่ตามคำแนะนำของหน่วยบริการสาธารณสุขเป็นเวลา 5 วัน และให้ติดตาม สังเกตอาการอีก 5 วัน
- การตรวจ ATK ถ้ามีอาการให้ตรวจทันทีและให้ตรวจครั้งที่ 1 ในวันที่ 5
- หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อและตรวจครั้ง สุดท้ายวันที่ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ กรณีนักเรียนได้รับวัคซีนครบตามคำแนะนำปัจจุบันและไม่มีอาการ ไม่แนะนำให้กักกัน ให้ตรวจ ATK ช้ำในวันที่ 5 หรือเมื่อมีอาการพร้อมแยกกัก ให้สังเกตอาการครบ 10 วัน
- สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสม และประสานหน่วยบริการสาธารณสุขตามระบบอนามัย โรงเรียน และเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร
กรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากร ติดเชื้อ
- แยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือ ปฎิบัติตามคำแนะนำของสถานบริการด้านสาธารณสุข
- พิจารณาจัดทำ School Isolation โดยคณะกรรมการโรงเรียนหน่วยงานสาธารณสุข ผู้ปกครองชุมชนพิจารณาร่วมกันให้ความเห็นชอบในการปฏิบัติตามมาตรการ
- จัดรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีอาการ
- ทำความสะอาดห้องเรียน ชั้นเรียน สถานศึกษา และเปิดเรียนตามปกติ