“เมืองกีวี” ที่ 1 การศึกษาโลก โดดเด่นด้านวิจัย+พัฒนานวัตกรรม

นิวซีแลนด์ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่โดดเด่น และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเตรียมความพร้อม และวางพื้นฐานให้เด็กนักเรียนก้าวทันการเปลี่ยนแปลง พร้อมสู่การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจโลกในอนาคต

โดยจากผลสำรวจล่าสุดของ The Economist Intelligence Unit (EIU) ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจของนิตยสาร The Economist ได้เผยผลรางวัล Yidan รางวัลระดับสากลสำหรับประเทศที่มีนวัตกรรมด้านการวิจัยด้านการศึกษา และการพัฒนาด้านการศึกษา ล่าสุดระบุว่า นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีนวัตกรรมด้านการวิจัยด้านการศึกษาและการพัฒนาการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

ทั้งนั้น ประเมินจากระบบการศึกษาใน 35 ประเทศทั่วโลก จาก 16 ตัวชี้วัด ที่ครอบคลุมด้านนโยบายด้านการศึกษา ระบบการเรียนการสอน สิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยนิวซีแลนด์ได้คะแนนสูงสุด 88.9 ส่วนอันดับ 2 คือ แคนาดา (86.7) อันดับ 3 ฟินแลนด์ (85.5) รองลงมาคือ สวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย ขณะที่สหรัฐอเมริกาอยู่ที่อันดับ 12

นิวซีแลนด์ได้รับคะแนนสูงสุดในการเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนการสอนมากที่สุด จากเหตุผล 2 ประการ คือ สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะในอนาคต ด้านความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์ในวงกว้าง ประการที่สอง คือ รัฐบาลมีแนวทางจัดการระบบการศึกษา โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม

“จอห์น แลกซัน” ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ ให้ความเห็นว่า การเตรียมความพร้อมและวางพื้นฐานให้เด็กนักเรียนสามารถใช้ชีวิตและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และเศรษฐกิจโลกในอนาคต ถือเป็นดัชนีของระบบการศึกษาทั่วโลกที่ต้องหาวิธีในการผลิตบัณฑิตให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล นำมาซึ่งความท้าทายที่เยาวชนจะต้องช่วงชิงโอกาสเพื่อประสบความสำเร็จในอนาคต ซึ่งความรู้ในวิชาเดิม ๆ ไม่เพียงพอต่อนักเรียนในยุคปัจจุบัน ที่จำเป็นต้องมีทักษะในการแก้ไขปัญหา การแสดงความคิดที่หลากหลาย และสอดคล้องกับโลกความเป็นจริงมากขึ้น ดังนั้น ระบบการศึกษาทั่วโลกจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน เพื่อตอบสนอง และคาดการณ์ความต้องการด้านทักษะในอนาคต ทั้งยังเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมีอาชีพที่หลากหลายในศตวรรษที่ 21

“เราจะเตรียมตัวอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ ถือเป็นคำถามที่ท้าทายของระบบการศึกษานิวซีแลนด์มาหลายชั่วอายุคน และจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้เราต้องเตรียมความพร้อมจากห้องเรียน ด้วยการพัฒนาทักษะในการแก้ปัญหาให้กับนักเรียน ทั้งด้านการแสดงความคิดที่หลากหลาย และการคาดการณ์สถานการณ์ต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก”

“โดยวางเป้าหมายสำหรับโครงสร้างหลักสูตรเพื่อทักษะในอนาคต ผ่านความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความยืดหยุ่นของมาตรการต่าง ๆ ตลอดจนมุ่งเน้นฝึกทักษะด้านความคิดที่จะช่วยให้นักเรียนนักศึกษามีความสามารถ และทักษะที่พร้อมสำหรับตลาดอุตสาหกรรมในกาลข้างหน้า”

สิ่งเหล่านี้ถูกดำเนินการภายใต้แนวคิด Think New : New Zealand ซึ่งเป็นรากฐานที่การศึกษานิวซีแลนด์สร้างระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมายาวนาน ทำให้นิวซีแลนด์ถูกจัดให้เป็นระบบการศึกษาดีที่สุด และเป็นเหตุผลที่ 130,000 นักเรียนต่างชาติ จากกว่า 180 ประเทศ เลือกเดินทางมาศึกษาในนิวซีแลนด์ทุกปี

ปัจจุบันนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายอันดับต้น ๆ ทางการศึกษาที่นักเรียนไทยจำนวนมากเลือกเดินทางไปศึกษาต่อมากกว่าเดิม จากที่เคยไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร โดยมีนักเรียนไทยมากกว่า 3,000 คน เดินทางไปศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์ เพื่อเสริมสร้างโอกาสการทำงานในระดับสากลผ่านระบบการศึกษามาตรฐานระดับโลก และเพิ่มพูนประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งพัฒนาทักษะทางธุรกิจในช่วงที่อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์

โดยคนไทยที่เดินทางไปศึกษานิวซีแลนด์ มีตั้งแต่ระดับโรงเรียนไปจนถึงระดับปริญญาเอก นอกจากนักเรียนไทยจะพัฒนาทักษะด้านการศึกษาที่สำคัญแล้ว ระบบการศึกษานิวซีแลนด์ยังสนับสนุนให้นักเรียนมีการพัฒนาเป็นบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ สามารถคิดนอกกรอบ มีความคิดวิเคราะห์ กล้าคิด กล้าแสดงออก และประยุกต์ใช้ความรู้ต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติในการดำเนินชีวิต และการทำงานจริง