ส่องธุรกิจอาหารในอินเดีย Blue Ocean-ขุมทรัพย์ไม่สุดขอบฟ้า-

คอลัมน์ มองข้ามชอต

โดย โชติกา ชุ่มมี Economic Intelligence Center

เมื่อพูดถึงประเทศอินเดีย เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังมองว่าเป็นตลาดที่ดูค่อนข้างไกลตัวและอยู่นอกสายตา แต่ความจริงแล้วอินเดียคือตลาดผู้บริโภคที่ทรงอิทธิพลและน่าจับตามองไม่แพ้ตลาดหลักอย่างสหรัฐ ญี่ปุ่น หรือจีน อีกทั้งยังมีโอกาสทางธุรกิจที่ซ่อนตัวอยู่อีกมาก เพราะนอกจากอินเดียจะเป็นตลาดเกิดใหม่ในกลุ่ม BRICS ที่มีเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากจีนแล้ว อินเดียยังถือเป็นประเทศที่มีโครงสร้างประชากรที่อายุน้อยที่สุดประเทศหนึ่งของโลกอีกด้วย โดยอายุเฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศอยู่ที่ราว 27 ปีเท่านั้น (ข้อมูลปี 2017)

เทียบกับอายุเฉลี่ยของจีน สหรัฐ และญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ 37 ปี, 38 ปี และ 47 ปีตามลำดับ ขณะที่สัดส่วนประชากรที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ก็ยังมีมากถึงราวครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงผู้บริโภคกลุ่ม millennials และกลุ่ม Gen Z อีกกว่า 800 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวในวัยทำงานที่มีรายได้และกำลังซื้อสูง อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินมากกว่าเก็บออมอีกด้วย โดยเราพบว่าคนอินเดียมีการใช้จ่ายเงินไปกับเรื่องอาหารการกินมากถึงกว่า 30% ของรายจ่ายทั้งหมดใน consumption basket เลยทีเดียว

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของกลุ่มชนชั้นกลางและกลุ่ม millennials ในอินเดีย คือ แรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยหนุนให้ความต้องการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพและอาหารพรีเมี่ยมเติบโตสูงขึ้น ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าปัจจุบันความต้องการบริโภคผักและผลไม้ออร์แกนิกในตลาดอินเดียเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระแสใส่ใจสุขภาพและรายได้ต่อหัวของประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าตลาดอาหารออร์แกนิกในอินเดียมีแนวโน้มเติบโตสูงถึงกว่า 25% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอย่าง Bangalore ที่พบว่า 90% ของผู้ตอบแบบสอบถามเต็มใจที่จะจ่ายเงินแพงขึ้นสำหรับผักและผลไม้ออร์แกนิก ซึ่งถือเป็น paradigm shift ที่น่าสนใจ อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่กลับระบุว่า ข้อจำกัดสำคัญสำหรับการหาซื้อสินค้าออร์แกนิกในปัจจุบัน คือ ราคาแพง, หาซื้อได้ยาก และมีตัวเลือกในตลาดค่อนข้างน้อย สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจส่งออกผักผลไม้ หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิกที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม

ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคอินเดียรุ่นใหม่ยังต้องการอาหารที่มีความ sophisticated มากขึ้น และให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์มากขึ้นเพราะคนกลุ่มนี้่มีกำลังซื้อสูง มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ รวมทั้งเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสื่อจากต่างประเทศมากขึ้น จึงเปิดรับผลิตภัณฑ์อาหารเครื่องดื่มที่ทันสมัย รสชาติแปลกใหม่ บรรจุภัณฑ์สวยงาม เพื่อสร้างประสบการณ์ในการบริโภคแตกต่างไปจากเดิม

ซึ่งเรามองว่าความต้องการที่เปลี่ยนไปดังกล่าว คือ ช่องว่างให้ผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงเครื่องปรุงรสและซอสปรุงรสต่าง ๆ จากไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในตลาดอินเดีย เพราะโดยพื้นฐานแล้วคนอินเดียส่วนใหญ่ก็มีความนิยมชมชอบอาหารไทยเป็นทุนเดิม อีกทั้งยังมีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องคำนึงถึง คือ การปรับแต่งรสชาติให้ถูกปากผู้บริโภคชาวอินเดีย และสอดคล้องกับวัฒนธรรมการบริโภคมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังต้องไม่ขัดกับหลักศาสนาและความเชื่อของแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีความเข้มงวดแตกต่างกันออกไป

นอกจากนี้ เทรนด์การบริโภคอาหารแปรรูปประเภท packaged food โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน หรือ ready-to-eat (RTE) ก็กำลังได้รับความนิยมและเติบโตสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองใหญ่ ซึ่งเป็น tier-1 cities ของประเทศอย่าง Bangalore, Deli และ Mumbai สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารของคนเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลาและความสะดวกสบายในชีวิตมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนแรงงานหญิงและกลุ่มคนทำงานวัยหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ตามลำพัง ทำให้การพึ่งพาอาหาร

แปรรูปและอาหารพร้อมทานกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปโดยปริยาย โดยในปีที่ผ่านมายอดขายอาหารพร้อมทานในอินเดียขยายตัวสูงถึง 16% YOY เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสินค้าในกลุ่มอาหารพร้อมทานแช่แข็ง หรือ frozen ready meal เป็นหลัก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ที่มีตู้แช่เก็บรักษาความเย็นและอุณหภูมิ ซึ่งสินค้าในหมวดนี้มีสัดส่วนมากถึงราว 54% ของสินค้าในหมวด ready meal ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับของผู้บริโภคชาวอินเดียและโอกาสของอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมากในอนาคต

แน่นอนว่าการปฏิรูปอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และนโยบายด้านการค้าการลงทุนของภาครัฐที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อภาคธุรกิจ คือ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารในอินเดียเติบโตขึ้น ซึ่งหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลอินเดียที่น่าจับตามองอย่างยิ่งคือ “โครงการ Make in India” ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2014

โดยตั้งเป้าส่งเสริมให้บริษัทต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศหันมาตั้งฐานการผลิตสินค้าภายในประเทศ เพื่อยกระดับและผลักดันให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าของโลก และเป็นประเทศจุดหมายปลายทางของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารคือ 1 ใน 25 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้การส่งเสริมและสนับสนุน

โดยปัจจุบันรัฐบาลอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติที่จะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารสามารถถือหุ้นได้ 100% ขณะที่การจดทะเบียนบริษัทหรือการตั้งกิจการก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนต่างชาติยังได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตการนำเข้าเครื่องจักร และวัตถุดิบ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารอีกด้วย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีส่วนทำให้ FDI ในกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยตัวเลข FDI ล่าสุดในปี 2017 อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับเมื่อปี 2007 ซึ่งอยู่ที่เพียง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ภายใต้โอกาสที่เปิดกว้างและศักยภาพของตลาดผู้บริโภคที่น่าจับตามองดังกล่าว แต่การทำธุรกิจในอินเดียก็ยังมีความท้าทายอีกหลายประการที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดในเรื่องความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งคมนาคมและโลจิสติกส์ที่ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร หรือแม้แต่ต้นทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่ที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงวัฒนธรรมและกฎระเบียบระหว่างรัฐที่แตกต่างกัน ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมรับมือหากคิดจะเข้าไปลงทุนหรือดำเนินธุรกิจในประเทศอินเดีย

ซึ่งเรามองว่าการมีพันธมิตรท้องถิ่นที่ดี คือ หนึ่งใน shortcut สู่ความสำเร็จและมีส่วนช่วยสร้างแต้มต่อทางธุรกิจเหนือคู่แข่ง เพราะนอกจากจะทำให้เราได้ข้อมูลเชิงลึกที่ครบถ้วนและชัดเจนแล้ว ยังช่วยให้การเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าและการเจาะตลาดทำได้ง่ายและสะดวกขึ้นอีกด้วย เพื่อคว้าโอกาสก้อนโตจากขุมทรัพย์ที่ไม่สุดขอบฟ้าแห่งนี้ี

รับข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ อย่าลืมกดติดตาม
และกดปุ่ม See first (เห็นโพสต์ก่อน)
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์ ทันสมัย-ทันใจ
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้
ทั้งระบบ ios และ android

อ่านประชาชาติธุรกิจ ทั้งฉบับผ่าน e-Newspaper
ได้ที่แอปพลิเคชั่น Ookbee เลือก “ประชาชาติ”