สัมภาษณ์
ธุรกิจออนไลน์ ทราเวล เอเย่นซี่ หรือ OTA ยังคงน่าจับตา มีผู้ประกอบการหน้าใหม่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และในปี 2019 ที่กำลังจะมาถึงนี้ Klook ผู้ให้บริการด้านการจองกิจกรรมท่องเที่ยวเบอร์หนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบด้วยจำนวนกิจกรรมท่องเที่ยวที่มากขึ้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
- ออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่ม เช็กเลย !
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “มาคัส ยง” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงภาพแผนงานและทิศทางทั้งปัจจุบันและอนาคตของ Klook ในไทยและอาเซียน ไว้ดังนี้
ไทยคือหนึ่งในตลาดสำคัญ
“มาคัส” เริ่มต้นให้สัมภาษณ์ด้วยการอธิบายว่า Klook เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการจองกิจกรรมและบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวระดับโลกที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 นี้ ด้วยไทยเป็นตลาดสำคัญทางการท่องเที่ยวที่มีทั้งนักท่องเที่ยวอินบาวนด์และเอาต์บาวนด์จำนวนมาก
“มาคัส” เล่าถึงการเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีที่ผ่านมาว่า Klook มียอดเข้าชมทุกแพลตฟอร์มอยู่ที่ 20 ล้านครั้ง โดยกว่า 40% เป็นผู้ใช้จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่เพิ่งเข้ามาดำเนินงานได้ไม่นาน การเติบโตจึงอยู่ในลำดับที่ 4 ของภูมิภาค รองจากสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
2561 ปีแห่งการพัฒนาระบบ
“มาคัส” บอกอีกว่า ปีนี้ Klook ได้พัฒนาสินค้าและบริการใหม่เพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะการพัฒนาการใช้งานบนมือถือพร้อมทั้งพัฒนาอัลกอริธึ่มของแอปฯ ให้มีความสามารถในการแนะนำสินค้าและบริการได้ตรงกับจุดที่ผู้ใช้บริการอยู่มากที่สุด
นอกจากนั้น Klook ยังเชื่อมั่นในการนำเสนอรีวิวจากผู้ใช้จริงมากที่สุด ผู้ซื้อและใช้บริการจนจบโปรแกรมการท่องเที่ยวสามารถรีวิวผ่านแอปได้เลยทันที ทำให้ปัจจุบัน Klook มีจำนวนรีวิวภายในแอปฯกว่า 5 ล้านรีวิว
นอกจากผู้ใช้บริการแล้ว บริษัทยังคำนึงถึงผู้ประกอบการอีกด้วย โดยช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่เคยชินกับวิธีการขายสินค้าและบริการแบบดั้งเดิม ขายสินค้าและบริการ พร้อมทำการตลาดได้สะดวกขึ้นผ่านดิจิทัล
เมื่อถามถึงรายได้ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อธิบายว่า Klook จะได้ค่าคอมมิสชั่นจากผู้ประกอบการหลังจากการจองสำเร็จ โดยแต่ละกิจกรรมจะมีค่าคอมมิสชั่นต่างกัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10%
ต้องเข้าใจลูกค้าและตลาด
ด้านกลยุทธ์ของความสำเร็จในการทำการตลาดนั้น “มาคัส” บอกว่า ปัจจัยแรกที่ต้องมีคือโฟกัสที่ชัดเจนเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย โดยกลุ่มเป้าหมายของ Klook เป็นลูกค้ากลุ่มเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ที่มีอายุระหว่าง 21-35 ปี มีความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี สามารถค้นหาและจองบริการได้ด้วยตนเอง อย่างที่สองคือการให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่านดิจิทัล โดยได้ออกแบบคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านทั้งโซเชียลมีเดีย กูเกิลเสิร์ช เฟซบุ๊กแอด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนั้น ยังทำความเข้าใจกระบวนการใช้งานและเพนพอยต์ของลูกค้า เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีที่มีมาแก้ไขปัญหาได้อย่างลงตัว และอย่างสุดท้ายคือ การมีปฏิสัมพันธ์กับแต่ละพาร์ตเนอร์โดยตรง ทำให้ Klook สามารถการันตีราคาที่ดีที่สุดได้เสมอ
สำหรับตลาดประเทศไทยนั้น “มาคัส” บอกว่า Klook มีปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตหลายปัจจัย กล่าวคือ ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทยถือว่าเป็นตลาดของคนยุคมิลเลนเนียลที่มีพฤติกรรมการใช้งานดิจิทัลในชีวิตประจำวันมากขึ้น และมีกลุ่มนักท่องเที่ยว FIT เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยราคาของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ที่ต่ำทำให้การท่องเที่ยวระยะใกล้สามารถทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจัยทั้งหมดเอื้อต่อการเติบโตของแพลตฟอร์มของ Klook
ส่วนความท้าทายสำคัญคือ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีโอกาสในการเติบโตสูงมาก แต่ก็เป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายสูงมากเช่นกัน ทำให้มีลักษณะของตลาดที่ไม่เหมือนกัน Klook จึงเชื่อในการทำงานด้วยทีมท้องถิ่นที่มีความเข้าใจพื้นที่
ระบบการชำระเงินก็ยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เพราะประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสัดส่วนผู้ที่ถือบัตรเครดิตเพียง 3.8% เท่านั้น การชำระเงินเมื่อจองสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์จึงเป็นเรื่องยาก
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรายย่อยในภูมิภาคยังไม่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจและชวนให้เลือกขายสินค้าและบริการ ดังนั้น Klook จึงต้องจัดทีมพัฒนาธุรกิจในแต่ละประเทศ เพื่อที่จะเข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการด้วยตนเอง
No.1 OTA กิจกรรมท่องเที่ยว
“มาคัส” ย้ำว่า ในปี 2562 ที่จะมาถึงนี้ Klook กำลังจะเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการทั้งในไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ 5 และ 6 ของภูมิภาค ต่อจากสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
โดยมั่นใจว่าด้วยความสามารถของทีมงานประเทศไทยจะทำให้ตลาดไทยเติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่จะขยายฐานการให้บริการเพิ่มความหลากหลายของประเภทการให้บริการในเอเชีย และเตรียมพร้อมสำหรับการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการในทวีปยุโรปเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าการท่องเที่ยวในไทยจะยังคงเติบโตได้อีกมาก และยังมีตลาดในโลกออฟไลน์ที่ใหญ่มาก ซึ่ง Klook มองเห็นโอกาสที่จะดึงนักท่องเที่ยวเหล่านี้เข้ามาใช้งานในแพลตฟอร์ม และแม้ตลาด OTA ในไทยจะเติบโตรวดเร็วมาก แต่ผู้แข่งขันในตลาดส่วนมากโฟกัสอยู่ที่การให้บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก
ในขณะที่กิจกรรมท่องเที่ยวยังมีอีกหลากหลายประเภท Klook ที่เป็นเบอร์ 1 ของผู้ให้บริการจองกิจกรรมท่องเที่ยวผ่านออนไลน์จึงยังต้องการการพัฒนาต่อไปเพื่อให้ในท้ายที่สุดแล้วสามารถตอบโจทย์ของนักท่องเที่ยวได้ในทุก ๆ บริการ
รับข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ อย่าลืมกดติดตาม และกดปุ่ม See first (เห็นโพสต์ก่อน)
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
อ่านประชาชาติธุรกิจ ทั้งฉบับผ่าน e-Newspaper
ได้ที่แอปพลิเคชั่น Ookbee เลือก “ประชาชาติ”
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือสแกน QR Code