ยุคของ นักกอล์ฟหนุ่ม-

คอลัมน์ ขึ้นแท่น ปักที

โดย พิศณุ นิลกลัด

 

เมื่อจัสติน โธมัส ได้แชมป์พีจีเอ แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนที่แล้ว นั่นหมายความว่า แชมป์เมเจอร์ 3 ใน 4 คนของปีนี้ มีอายุ 20 กว่าปี แชมป์เมเจอร์คนแรกของปีนี้ เป็น เซอร์จิโอ การ์เซีย จากสเปน ซึ่งได้แชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในชีวิต ที่มาสเตอร์ส ในวัย 37 ปี

แต่หลังจากนั้น เป็นคิวของหนุ่มอเมริกันครองเมือง คือ บรูค เคปคา ได้แชมป์ยูเอส โอเพ่น จอร์แดน สปีธ คว้าแชมป์บริทิช โอเพ่น และโธมัส เป็นแชมป์พีจีเอ แชมเปียนชิพ

สปีธได้แชมป์เมเจอร์ครั้งที่ 3 ที่รอยัล เบิร์คเดล ก่อนมีอายุครบ 24 ปี ไม่กี่วัน

เคปคาได้แชมป์เมเจอร์ครั้งแรก ที่เอริน ฮิลล์ส ในวัย 27 ปี

และโธมัสเป็นแชมป์เมเจอร์หนแรก ที่เควล ฮอลโลว์ ขณะที่มีอายุ 24 ปี

สามคนนี้มีอายุรวมกันเฉลี่ยประมาณ 25 ปี

ข้อดีของการได้แชมป์เมเจอร์ตั้งแต่ยังหนุ่ม คือ นักกอล์ฟจะคลายความกดดัน และมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์เมเจอร์ได้อีก

นักกอล์ฟชื่อดังมากมายได้แชมป์เมเจอร์ครั้งแรก เมื่อมีอายุ 20 ปีต้น ๆ และต่อยอดด้วยการคว้าแชมป์เมเจอร์อีกหลายครั้ง เช่น แจ็ค นิคลอส เจ้าของสถิติเป็นแชมป์เมเจอร์มากที่สุด 18 ครั้ง ไทเกอร์ วูดส์ ซึ่งครองแชมป์เมเจอร์ 14 ครั้ง สปีธซึ่งได้แชมป์เมเจอร์ไปแล้ว 3 ครั้ง และ รอรี แม็คอิลรอย เป็นแชมป์เมเจอร์ 4 ครั้ง

แต่ก็มีนักกอล์ฟชั้นนำหลายคนที่ได้แชมป์เมเจอร์ครั้งแรกเมื่อมีอายุมากแล้ว แต่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์เพิ่ม เช่น ฟิล มิคเคลสัน

มิคเคลสันได้แชมป์เมเจอร์ครั้งแรก ที่มาสเตอร์ส 2004 ในวัย 34 ปี ก่อนจะคว้าแชมป์เมเจอร์อีก 4 รายการ

สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง คือ แชมป์เมเจอร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นนักกอล์ฟที่มีอายุ 20 กว่าปี

ใน 4 ปีที่ผ่านมา นักกอล์ฟที่มีอายุ 20 กว่าปี ได้แชมป์เมเจอร์ 3 รายการ ในปีเดียวกัน 3 ปี

นักกอล์ฟหนุ่มที่ได้รับการคาดหมายว่า รอคิวเป็นแชมป์เมเจอร์ คือ ฮิเดกิ มัตสุยามา วัย 25 ปี จากญี่ปุ่น และ ริคกี ฟาวเลอร์ นักกอล์ฟอเมริกันเชื้อญี่ปุ่น วัย 28 ปี

มัตสุยามากับฟาวเลอร์ครองอันดับ 5 ร่วมกัน ที่พีจีเอ แชมเปียนชิพ 2017 โดยแพ้โธมัส 3 แต้ม

นักข่าวฝรั่งคนหนึ่งแซวว่า ฟาวเลอร์ยังคงทำได้แค่แสดงความยินดีกับเพื่อนที่ได้แชมป์เมเจอร์ เพราะเขาเป็นเพื่อนกับโธมัสและสปีธ

ประเด็นหนึ่งที่มีการพูดถึงกันมากเกี่ยวกับเมเจอร์ในปีนี้ คือ สนามแข่งขันชักจะยาวเกินไป

เอริน ฮิลล์ส มีความยาวมากกว่า 7,800 หลา สำหรับแข่งยูเอส โอเพ่น

นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า ลักษณะเช่นนี้ทำให้การแข่งขันใช้เวลามากขึ้น และกอล์ฟเสียเสน่ห์ของการเล่น

ยิ่งสนามมีความยาวมากขึ้น นักกอล์ฟที่ตีไกลจะได้เปรียบมากขึ้น จนทำให้การแข่งขันกอล์ฟเหมือนกับตัดสินกันที่พลังของนักกอล์ฟ มากกว่าความสามารถ

คำพูดของฝรั่งที่ว่า “ไดรฟ์ (ไกล) เพื่อโชว์” อาจจะล้าสมัย เพราะนักกอล์ฟที่ตีไกลมีโอกาสที่จะได้ทั้งโชว์ และคว้าแชมป์เมเจอร์ในสนามที่มีความยาวมาก