หนุนอาเซียนจัดบอลโลก บูม”ท่องเที่ยวเชิงกีฬา”โต-

“กอบกาญจน์” เผยผลที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกีฬาอาเซียน เสนอชื่อภูมิภาค “อาเซียน” เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 2034 หนุนปั้นยุทธศาสตร์ “สปอร์ตทัวริซึ่ม” เติบโตในระดับภูมิภาค พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวตลอดเดือนตุลาคม เตรียมเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ย้ำปี 2560 เร่งรายได้ด้วยท่องเที่ยววิถีไทย

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกีฬาอาเซียน ครั้งที่ 7 ซึ่งมีการประชุมที่ประเทศเมียนมา มีประเด็นสำคัญคือ การเสนอชื่อภูมิภาคอาเซียนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 2034 การจัดกิจกรรมอาเซียน sports day การส่งเสริมให้ผู้หญิงและเยาวชนเล่นกีฬามากขึ้น โดยเฉพาะการ rebranding เปลี่ยนชื่อการแข่งขัน SEA Games เป็น ASEAN Games การส่งเสริมกีฬาพื้นบ้านของอาเซียนในโรงเรียน และชุมชน

ส่วนผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 โดยญี่ปุ่นได้นำเสนอวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างอาเซียน และญี่ปุ่น ภายใต้แผนปฏิบัติการอาเซียนด้านกีฬา ปี ค.ศ. 2016-2020 ตามโครงการ Sports for Tomorrow กว่า 900 โครงการ โดยมี 95 โครงการที่สนับสนุนกีฬาในประเทศไทย ยกระดับศักยภาพการแข่งขันของอาเซียน เพื่อเตรียมการสู่การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ในปี ค.ศ. 2020 อีกทั้งการบูรณาการกับภาคเอกชน ด้วยรูปแบบการสนับสนุนนักกีฬา สร้างเยาวชน และจัดเกมแข่งขัน ผลิตสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์ต่อการออกกำลังกาย รวมทั้งส่งเสริมการจัดประชุม สัมมนา ทางด้านกีฬา เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วม

นางกอบกาญจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า การท่องเที่ยวไทยมีการขยับเพิ่มทั้งรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 11 ตุลาคม มีนักท่องเที่ยวสะสม จำนวน 26.9 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 1.37 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.6% และ 7.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาตามลำดับ โดยนักท่องเที่ยวจีนยังครองแชมป์มาไทยเป็นอันดับหนึ่ง มียอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 11 ตุลาคม จำนวน 7.63 ล้านคน

และในช่วงวันชาติจีน ระหว่างวันที่ 1-8 ตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวจีนออกเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนจำนวนมาก และนิยมเที่ยวไทยเป็นอันดับ 1 ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมายังประเทศไทย 227,648 คน เพิ่มขึ้นถึง 69.04% เทียบกับปี 2559 ทั้งนี้ก่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว 12,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.66% เทียบกับปี 2559 ทั้งนี้ Ctrip.com International คาดว่าในช่วงวันชาติจีนจะมีชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ 6.15 ล้านคน โดยประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับ 1 ของชาวจีน อันดับ 2 คือญี่ปุ่น และอันดับที่ 3 คือสิงคโปร์ อันดับที่ 4 คือสหรัฐอเมริกา และอันดับที่ 5 คือเวียดนาม

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯได้เร่งเตรียมการทุกด้านเพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) โดยย้ำว่าปี 2560 จะเร่งรายได้ด้วยท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งจะมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป และเชื่อมโยงกันกับการกีฬาเดินหน้าควบคู่ไปด้วยการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (สปอร์ตทัวริซึ่ม) สร้างการเติบโตสู่ระดับภูมิภาค


“กระแสการเดินทางของชาวต่างชาติที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมกิจกรรมรองรับในช่วงโค้งสุดท้ายหลังจบงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเข้าสู่ช่วงเวลาที่เหมาะสม ตรงกับฤดูกาลท่องเที่ยวพอดี จึงมั่นใจว่ารายได้ตลอดปี 2560 จะทำได้ตามเป้าหมายรวมที่ 2.7 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1.8 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 9 แสนล้านบาท”