
ข้อมูลใหม่ล่าสุดอัพเดตจากงานสัมมนาหัวข้อ “อสังหาฯยุคดิจิทัล Moving to Real Estate in Digital Era” จัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ศขอ.) หรือ REIC เมื่อเร็ว ๆ นี้ หนึ่งในไฮไลต์อยู่ที่การวิเคราะห์ความต้องการที่อยู่อาศัยผ่านแอปพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน-Home for All”
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
งานนี้นำเสนอโดย “ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการ ศขอ. โดยภาพรวมพบว่า สินค้าประเภทบ้านเดี่ยวยังเป็นสินค้ายอดนิยมในใจผู้บริโภคตลอดกาล
เจน Y อยากมีบ้านสูงสุด
ทั้งนี้ แอป “คนไทยมีบ้าน” เป็นความร่วมมือ 3 ประสาน ระหว่าง ศขอ., การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนทั่วประเทศ ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน 2560 มีผู้ตอบแบบสอบถาม 78,586 ราย
แยกเป็นกลุ่มเจน Y (อายุ 21-40 ปี) มีสัดส่วน 71.5% กลุ่มเจน X (อายุ 41-60 ปี) สัดส่วน 25.5% กลุ่มเจน Z (อายุน้อยกว่า 21 ปี) สัดส่วน 2% กับกลุ่มเบบี้บูมเมอร์หรืออายุเกิน 60 ปี สัดส่วน 1%
จากยอดรวม 78,586 รายนั้น คัดกรองเป็น 2 กลุ่มหลักคือ คนที่ต้องการที่อยู่อาศัย 89.2% หรือ 70,068 ราย ที่เหลือ 10.8% ต้องการสินเชื่อเบ็ดเตล็ด อาทิ กู้ปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม ซื้ออุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกในบ้าน 8,518 ราย
ตัวเลขจะถูกคัดกรองลงมาเรื่อย ๆ พบว่าคนที่ต้องการที่อยู่อาศัย 70,068 ราย มาจากกลุ่มไม่เคยมีบ้านของตนเองหรือต้องการบ้านหลังแรกสูงถึง 61,642 ราย แสดงว่าที่เหลือ 8,246 ราย มีบ้านเรียบร้อยแล้ว (แต่ยังมีความต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2)
อยากซื้อบ้านเดี่ยวพุ่ง 57%
จุดโฟกัสเริ่มคมชัดมากขึ้นเมื่อพบว่าในจำนวน 61,642 ราย มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรร 46,095 ราย คิดเป็น 65.8% และต้องการที่อยู่อาศัยด้วยการปลูกสร้างบ้านเอง 23,973 ราย สัดส่วน 34.2%
ทาง ศขอ.คั้นข้อมูลให้ลึกลงไปอีกว่า ในจำนวนความต้องการซื้อโครงการจัดสรร 46,095 ราย ที่ตอบแบบสอบถาม มีความต้องการซื้อในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2561-2562 มีจำนวนลดเหลือ 40,338 ราย ที่คาดว่ามีความต้องการซื้อจริง และมีความสามารถในการชำระสินเชื่อ
สำหรับประเภทสินค้าที่ต้องการซื้อ อันดับ 1 ที่นำโด่งมาเลยคือ “บ้านเดี่ยว” สัดส่วน 57.3% รองลงมาคือทาวน์เฮาส์ 25.1% คอนโดมิเนียม 8.81% บ้านแฝด 4.6% อาคารพาณิชย์ 4.1%
ในด้านราคาที่อยู่อาศัย กลุ่มราคา 1-3 ล้านบาท มีความต้องการซื้อสูงสุด 47.7% รองลงมาเป็นอสังหาฯราคาต่ำ 1 ล้านบาท/ยูนิต สัดส่วน 45% ในขณะที่ราคาเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วน 7.3%
70% ปลูกบ้านเองต่ำ 1 ล.
ขณะเดียวกัน ความต้องการที่อยู่อาศัยด้วยการปลูกสร้างบ้านเอง 23,973 รายนั้น คัดกรองเป็นความต้องการในช่วง 3 ปี ระหว่างปี 2560-2561-2562 ทำให้ลดเหลือ 15,818 ราย ที่คาดว่าจะปลูกสร้างจริงและมีความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อได้ด้วย
ข้อมูลสำคัญน่าจะอยู่ตรงนี้ กล่าวคือ ผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า ราคาปลูกสร้างบ้านหลังละไม่เกิน 5 แสนบาท มีความต้องการ 35.1% สร้างบ้านราคา 5 แสน-1 ล้านบาท สัดส่วน 34.9%
แสดงว่าความต้องการปลูกสร้างบ้านของผู้ตอบแบบสอบถามมีสัดส่วนรวมกันถึง 70% ที่ต้องการสร้างหลังละไม่เกิน 1 ล้านบาท
ที่เหลือเป็นกลุ่มต้องการปลูกสร้างบ้านหลังละ 1-5 ล้านบาท สัดส่วนรวมกัน 30%
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ผู้ต้องการปลูกสร้างบ้านเองอยู่ในเขตภาคเหนือกับภาคอีสานมากที่สุด มีสัดส่วนรวมกัน 57.1%
“ดร.วิชัย” สรุปว่า ภาพรวมความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางที่มีศักยภาพ ในช่วงปี 2560-2561-2562 แนวโน้มมีจำนวนมากกว่า 60% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามจากทั่วประเทศ