“สรอ.” สู่ “สพร.” ลุยบิ๊กดาต้าอัพบริการภาครัฐโกดิจิทัล-

“สรอ.” ลุยบิ๊กดาต้า ขีดเส้นไม่เกินปี”64 รัฐบาลต้องโกดิจิทัลเต็มรูปแบบ 300 บริการภาครัฐต้องทำได้ผ่านออนไลน์ ประเดิมเชื่อมฐานข้อมูลเครดิตบูโรตรวจสอบผู้ถือ “บัตรคนจน”

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการทำงานของภาครัฐให้ก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัลอย่างมาก และประกาศเป็นนโยบายให้ไทยเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้ได้ภายในปี 2564

“รัฐบาลดิจิทัล หมายถึงทุกอย่างต้องเชื่อมโยงกันได้ โปร่งใส ใช้เทคโนโลยีเพื่อบูรณาการการทำงานทั้งหมดทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน ทำงานแบบอัจฉริยะ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำงานให้เร็วขึ้น ทำให้การติดต่อราชการมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง รวมถึงทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น แม้จบแค่ ป.4 ก็ต้องกรอกข้อมูลแบบฟอร์มต่าง ๆ ได้ถูกต้องหรือให้ดีก็ไม่ต้องกรอกอะไร จากเดิมที่เวลาติดต่อราชการต้องมีสำเนาบัตรประชาชน ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ทำไม เก็บกระทั่งต้องของบประมาณสร้างตึกไว้เก็บเอกสาร และให้สร้างจุดให้บริการที่เดียวแบบเบ็ดเสร็จ”

และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. จากเดิมที่สังกัดกระทรวงดีอี) มาขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี ในชื่อสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. เพื่อให้นายกรัฐมนตรีใช้สั่งการกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ในการก้าวไปสู่รัฐบาลดิจิทัลได้รวดเร็ว

ด้านนายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สรอ. เสริมว่า การปรับเปลี่ยนสังกัดและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสพร. น่าจะเสร็จต้นปี 2561 ซึ่งช่วยให้ทำงานใกล้ชิดกับแต่ละหน่วยงานได้ดีขึ้น โดยการทำงานครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาช่องทางบริการประชาชนผ่านออนไลน์ จากปัจจุบันมีอยู่ราว 21 บริการภาครัฐที่เปิดให้บริการทางออนไลน์แล้ว จะต้องผลักดันให้มีถึง 300 บริการ ในปี 2564 การเชื่อมต่อฐานข้อมูลภาครัฐ และการตั้งศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลภาครัฐเพื่อใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการวางแผน กำหนดนโยบายภาครัฐให้ถูกต้องเหมาะสม


โดยเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2561 คือเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูลกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) กับฐานข้อมูลของผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11 ล้านคน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของคุณสมบัติให้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากเครดิตบูโรมีฐานข้อมูลทั้งบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิต และสินเชื่อของสถาบันการเงินต่าง ๆ ก็จะเชื่อมต่อกับข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขเพื่อวางแผนการให้บริการด้านสุขภาพที่เหมาะสมต่อไป