จับสัญญาณโค้งสุดท้ายหุ้นไทย ลุ้นอานิสงส์ LTF-RMF ดันดัชนี 1,750 จุด-

โบรกเกอร์ส่องภาวะตลาดหุ้นโค้งสุดท้ายปี 2560 คาดดัชนีหุ้นไทยมีลุ้นแตะระดับ 1,750 จุด รับอานิสงส์เม็ดเงินกองทุน LTF-RMF กว่า 3 หมื่นล้านบาทจ่อไหลเข้าช่วงปลายปี ด้าน “บล.ยูโอบี” เตือนระวังแรงขายจากนักลงทุนสถาบัน หลังซื้อสะสมกว่า 8 หมื่นล้าน แนะเลี่ยงเข้าหุ้นปลอดภัย

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอพเพิล เวลธ์ เปิดเผยว่า จากการประเมินภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยในเดือน ธ.ค.นี้ เชื่อว่าดัชนีฯมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,690-1,730 จุด และมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1,750 จุดได้ เนื่องจากคาดว่าตลาดหุ้นจะได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่คาดว่าจะไหลเข้ามาประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้

รวมทั้งจะยังมีแรงหนุนจากทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีโอกาสฟื้นตัวช่วงไตรมาสที่ 4/2560 โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์, กลุ่มพลังงาน, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มสายการบิน เป็นต้น

“กลยุทธ์การลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนั้น หากดัชนี SET ผ่านแนวต้าน 1,730 จุด พร้อมปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าระดับ 6-7 หมื่นล้านบาท ให้เพิ่มพอร์ตการลงทุนได้ โดยเป้าหมายแนวต้านถัดไปที่ 1,750-1,780 จุด ขณะที่หากดัชนี SET หลุดแนวรับ 1,670-1,680 จุด ให้ลดพอร์ตลงเพราะดัชนีมีความเสี่ยงจะปรับฐานลงสู่ระดับ 1,620-1,650 จุดได้” นายอภิชัยกล่าว

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า แนวโน้ม SET Index ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,750 จุด โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนรวม LTF-RMF เป็นสำคัญที่น่าจะเป็นปัจจัยช่วยประคับประคองตลาดได้เป็นอย่างดี รวมถึงการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากสำนักวิจัยต่างชาติ

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามความคืบหน้าของมาตรการปฏิรูปภาษี และการเจรจาต่อรองปรับขึ้นเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยต่อเนื่องกดดันเงินดอลลาร์สหรัฐได้ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะมีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1.25-1.50%

“สำหรับหุ้นเด็ดช่วงโค้งสุดท้ายปี ยกให้ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH), บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) และ บมจ.พริมา มารีน (PRM)” นายณัฐชาตกล่าว

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดการณ์ว่าแม้ช่วงท้ายปีตลาดหุ้นไทยน่าจะมีแรงหนุนจากกองทุน LTF ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น แต่ปีนี้อาจไม่หนาแน่นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากคนซื้อ LTF ต้องถือนานขึ้นเป็น 7 ปีปฏิทิน ทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนลดน้อยลง และนักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรของนักลงทุนสถาบันบางส่วนด้วย


“นับตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน (7 ธ.ค. 60) นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้วกว่า 80,892 ล้านบาท ซึ่งหากดัชนีปรับตัวขึ้นแรง ๆ ก็อาจมีการขายออกมา เพื่อทำกำไรบ้าง สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้เน้นลงทุนในกลุ่มที่ปลอดภัยหรือหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของเหล่านักลงทุนสถาบันในการเข้าซื้อสะสมช่วงท้ายปี (รายละเอียดดูในตาราง)” นายกิจพลกล่าว