กองน้ำมัน รีเทิร์นสูง แห่ขายทำกำไร-เงินไหลออก 2 พันล้าน

กองน้ำมัน รีเทิร์นสูง

กองทุนรวมน้ำมัน (Commodities Energy) เป็นกองทุนที่มีความเคลื่อนไหวอย่างมากในปีนี้ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หนุนผลตอบแทนกองทุนให้พุ่งขึ้นตาม ส่งผลให้นักลงทุนทยอยขายหน่วยลงทุน เพื่อทำกำไร

โดย “ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่าการเคลื่อนตัวของราคาน้ำมัน ขึ้นกับปัจจัยด้านอุปสงค์-อุปทานน้ำมันที่เป็นผลจากอัตราการผลิตน้ำมันของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่

และความต้องการน้ำมันตามสถานการณ์เศรษฐกิจในแต่ละช่วง อย่างช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันปัจจัยจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็สะท้อนไปที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมน้ำมัน พบว่า ปีนี้กองทุนประเภทนี้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท ลดลง 34.4% จากสิ้นปี 2564 เป็นผลจากเงินไหลออกสุทธิในรอบ 8 เดือน รวม 2,200 ล้านบาท โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ต้นปี (YTD) 25.2% (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ย. 2565) สูงสุดนำโดยกองทุน I-OIL

จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี มีผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 29.46% ตามด้วยกองทุน TMBOIL จาก บลจ.ทหารไทย 29.46% ตามด้วยกองทุน KT-OIL จาก บลจ.กรุงไทย 27.84% และกองทุน TOIL6 จาก บลจ.ทิสโก้ 26.08% (ดูตาราง)

“กองทุนรวมน้ำมันเป็นการลงทุนความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะความเสี่ยงความผันผวน เพื่อที่จะได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง” นางสาวชญานีกล่าว

ขณะที่ “สาห์รัช ชัฏสุวรรณ” ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า การที่เงินไหลออกจากกองทุนสะท้อนว่าอาจมีนักลงทุนขายกองทุนนั้นออก เป็นไปได้ว่านักลงทุนอาจขายทำกำไร (take profit) เมื่อสินทรัพย์ราคาถึงกำไรที่ตั้งเอาไว้ เนื่องจากราคาน้ำมันในช่วงก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาในระดับสูง จากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

แต่ในระยะยาวภาพของเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อสูง รวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ ทำให้ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากพอ เพราะฉะนั้นราคาน้ำมันจึงเริ่มปรับตัวลง แต่จะปรับลงไปมากน้อยขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือกลุ่มโอเปกด้วยว่าจะทำอย่างไร กับสถานการณ์ราคาน้ำมันในระยะถัดไป

ตาราง น้ำมันสะสม

“อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมน้ำมันมีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งผู้จัดการกองทุนเอง ก็ไม่แนะนำให้เข้าไปลงทุน จากความเสี่ยงและความผันผวนที่เกิดจากราคาพลังงานที่ผันผวนรุนแรง และเนื่องจากเป็นสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า (oil futures) ผลตอบแทนที่ได้ จึงไม่อาจเป็นไปตามราคาน้ำมันในขณะนั้น” นายสาห์รัชกล่าว

ด้าน “เอกรินทร์ วงษ์ศิริ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ซึ่งมาจากความกังวลในเรื่องของความต้องการใช้น้ำมันที่คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพของเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดูชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม แม้ความต้องการใช้น้ำมันจะลดลงแต่ทางซาอุดีอาระเบียเอง ก็พยายามที่จะควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้ลดลงต่ำจนเกินไป ดังนั้นในระยะข้างหน้าก็คาดว่าหากราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวต่ำมากเกินไป ก็เป็นไปได้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน อาจจะพักกำลังการผลิต และอาจส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปรับลงได้ไม่ลึกมาก

“คาดว่าราคาน้ำมันจะแกว่งตัวไซด์เวย์อยู่แถวบริเวณ 80-90 เหรียญต่อบาร์เรลไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ก็อาจจะมีปัจจัยกดดันเข้ามากระทบเป็นบางช่วง และเชื่อว่าราคาน้ำมันไม่น่าจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 80 เหรียญต่อบาร์เรล แม้ว่าราคาน้ำมัน อาจจะผ่านจุดพีกไปแล้ว แต่การปรับตัวลดลงก็ยังมีกรอบจำกัดอยู่” นายเอกรินทร์กล่าว

แม้ว่าผลตอบแทนจะสูง แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยง ดังนั้น ผู้ที่จะลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้ ต้องมีความรู้ความเข้าใจและสามารถรับความเสี่ยงที่สูงได้ด้วย