เช็กผลประกอบการ AMARC ก่อนเทรด mai วันแรก 19 ต.ค.

เงินเฟ้อสหรัฐ

บมจ. ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย เตรียมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 19 ต.ค.นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “AMARC”

วันที่ 18 ตุลาคม 2565 บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านบริการางวิทยาศาสตร์ ด้านเกษตร อาหาร ยา และสิ่งแวดล้อม อย่างครบวงจร เตรียมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 19 ต.ค.นี้ ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “AMARC”

โดย AMARC เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.โรงพยาบาลลาดพร้าว (LPH) ที่ประกอบธุรกิจให้บริการทางวิทยาศาสตร์ด้านเกษตร อาหาร ยา ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ การสอบเทียบเครื่องมือ การตรวจสอบและรับรองฟาร์มและโรงงาน ตามระบบคุณภาพและมาตรฐานสากล ด้วยห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย และมีนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายแขนง

โดยบริการของบริษัทสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ เกษตรกร โรงงานผลิตและแปรรูปจัดจำหน่าย และผู้นำเข้าส่งออก ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาหาร และยา ครอบคลุมตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย จนถึงบริษัทชั้นนำของประเทศ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาครัฐ ในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการตรวจวิเคราะห์ประมาณร้อยละ 87 ของรายได้รวม โดยเป็นกลุ่มตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารร้อยละ 81 ของรายได้รวม

โครงสร้างรายได้

ฐานะการเงิน-ผลการดำเนินงาน

สรุปฐานะการเงินและผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2561-ปี 2564) และงวด 6 เดือนแรกของปี 2565

ถือหุ้นรายใหญ่

โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 และภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน สรุปได้ดังนี้

ขายหุ้นไอพีโอ 120 ล้านหุ้น

เสนอหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายต่อประชาชนจำนวน 120,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.57 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้โดยมีสัดส่วนการเสนอขายหุ้น

1) เสนอขายต่อบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 90,000,000 หุ้น

2) เสนอขายต่อมีอุปการคุณของบริษัท 18,000,000 หุ้น

3)  เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัท 12,000,000 หุ้น

แผนการระดมทุน

บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงิน (หลังจากหักค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นแล้ว) ประมาณ 332.10 ล้านบาท ไปใช้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

นโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50%

บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น (ถ้ามี) อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน สภาพคล่อง ความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน