สภาองค์กรของผู้บริโภค ชี้ มาตรการยืนยันตัวตนด้วยบัตรเอทีเอ็ม เดบิต และเครดิต ก่อนฝากเงินผ่านตู้อัตโนมัติ สร้างภาระให้ผู้บริโภค เสนอใช้บัตรประชาชนหรือพัฒนาระบบที่ไม่ต้องใช้บัตร ให้สอดคล้องกับสังคมยุคดิจิทัล
วันที่ 19 ตุลาคม 2565 จากกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ ออกมาตรการขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่องรับฝากและถอนเงินอัตโนมัติ CDM (Cash Deposit Machine) ต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิต ทุกครั้ง โดยจะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 นั้น
- Apple เปิดตัว iPad Air-Pro รุ่นใหม่ 7 พฤษภาคมนี้
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
นายกมล กมลตระกูล ประธานอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า มาตรการฝากเงินผ่านตู้ฝากเงินโดยใช้บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตเพื่อยืนยันตัวตน เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภค โดยเสนอให้เปลี่ยนไปใช้บัตรประชาชน หรือพัฒนาระบบยืนยันตัวตนในลักษณะที่ไม่ต้องใช้บัตรแทน
ประธานอนุกรรมการด้านการเงินฯ อธิบายว่า ปัจจุบันมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่กดเงินผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคาร และไม่ได้ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตเลย นอกจากนี้ การมีบัตรหลายใบยังทำให้ผู้บริโภคต้องเสียค่าธรรมเนียมทำบัตรประมาณ 200-800 บาทต่อบัตร 1 ใบ ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายสังคมยุคดิจิทัล อีกทั้งมาตรการดังกล่าว ไม่สามารถแก้ปัญหาฟอกเงินได้จริงแต่กลายเป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบผู้บริโภคส่วนใหญ่ รวมถึงธนาคารเองด้วย
“แนวคิดการออกมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อคัดแยกคนร้ายออกจากคนดี แต่ควรจะทำให้เกิดผลกระทบกับคนดีน้อยที่สุด หรือไม่กระทบเลย ดังนั้นการออกมาตรการต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค ควรรับฟังความเห็นผู้บริโภคด้วย” นายกมลกล่าว
ประธานอนุกรรมการด้านการเงินฯ ยืนยันว่า สภาองค์กรผู้บริโภค ไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว และขอเสนอให้ปรับวิธียืนยันตัวผู้ฝากเงินโดยเปลี่ยนไปใช้บัตรประชาชน หรือการยืนยันตัวตนในลักษณะที่ไม่ต้องใช้บัตรแทน
ทั้งนี้ ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ ร่วมกันเร่งพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนผ่านบัตรประชาชนหรือไม่ต้องใช้บัตร โดยเร็วก่อนการบังคับใช้กฎหมาย ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เพื่อไม่สร้างภาระให้กับผู้บริโภค
หลังจากนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภคจะมีการประชุมร่วมกับ ธปท. และ ปปง. เพื่อหามาตรการยืนยันตัวตนที่เหมาะสมและไม่สร้างภาระต่อผู้บริโภคต่อไป
ก่อนหน้านี้ ทั้ง ธปท. และ ปปง. ยืนยันแล้วว่า จะเร่งหารือกับธนาคารพาณิชย์เพื่อเพิ่มทางเลือกการยืนยันตัวตนก่อนการฝากเงินที่ตู้อัตโนมัติ ทั้งการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน และการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้บัตร (Cardless) เพื่ออำนวยความสะดวกและไม่สร้างภาคะเพิ่มเติมต่อประชาชนผู้ใช้บริการ