เบทาโกร กางแผน 5 ปี ยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร ขยายส่วนแบ่งตลาด

เบทาโกร

บมจ.เบทาโกร (BTG) นำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก พร้อมกางแผนการลงทุน 5 ปี (2565 – 2569) ยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร และขยายส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า “เบทาโกร ได้นำหุ้น BTG เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก (2 พฤศจิกายน 2565) ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ด้วยมูลค่าเสนอขายรวม 20,000 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ที่ราคาเสนอขาย 40.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้รับความสนใจและกระแสตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำ

ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศไทย ท่ามกลางสภาวการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนที่มีความผันผวนสูง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของเบทาโกรในฐานะบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล (World-Class Branded Food Company) ที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากบริษัทจดทะเบียนรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ด้วยโมเดลธุรกิจแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ประกอบกับมีแบรนด์สินค้าที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุมทั้งในประเทศไทยและอีกกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ตลอดจนกระบวนการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ”

เบทาโกรมีเป้าหมายมุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร พร้อมเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว ผ่านแผนการลงทุนสำหรับ 5 ปีต่อจากนี้ (ปี 2565 – 2569) เพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ดังนี้

1) ขยายกำลังการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในอีก 5 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย อาหารสัตว์เป็น 5.5 ล้านตันต่อปี อาหารแปรรูปและไส้กรอก 223,000 ตันต่อปี โรงงานแปรรูปสุกร 4.8 ล้านตัว และโรงงานแปรรูปไก่เนื้อ 270 ล้านตัว

2) มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เช่น อาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมรับประทาน รวมทั้งจะเพิ่มสัดส่วนของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เกรดพรีเมียมและมาตรฐาน

3) ขยายการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ในต่างประเทศ โดยมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานและฟาร์มเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา

4) ขยายการจัดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศและเพิ่มจุดหมายปลายทางการส่งออก ได้แก่ การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศที่สำคัญ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง และกัมพูชา เป็นต้น การขยายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และเข้าไปเป็นพันธมิตรใหม่กับธุรกิจท้องถิ่น รวมถึงเพิ่มจุดหมายการส่งออกจากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก และเพิ่มยอดคำสั่งซื้อของลูกค้า (pocket share) ในภูมิภาคเดิม เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหราชอาณาจักร เป็นต้น

นอกจากนี้ เบทาโกรยังมุ่งแสวงหาโอกาสการเติบโตใหม่ (New S-Curve) โดยจัดสรรเงินทุนรวมประมาณ 900 ล้านบาท สำหรับปี 2565-2569 เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ผ่าน Venture Building และ Venture Capital ใน 3 สาขา ได้แก่

1) พัฒนาความสามารถในการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภค

2) สร้างแหล่งโปรตีนใหม่ที่ยั่งยืน

3) เพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานในสายอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องไปกับธุรกิจหลัก เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

“นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคณะผู้บริหาร ทีมงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่มีส่วนรวมในการนำหุ้น BTG เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะผลักดันธุรกิจของเบทาโกรให้เติบโตไปอีกขั้น

จากแผนการนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจ ความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน ความสามารถในการดึงดูดผู้บริหารและทีมงานมืออาชีพตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ซึ่งจะนำมาสู่โอกาสในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย” นายวสิษฐ กล่าวเสริม