แนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย

กระดานหุ้น
คอลัมน์ : เติมความคิดพอชิตการลงทุน
ผู้เขียน : เอกภาวิน สุนทราภิชาติ, บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ปรับขึ้นต่อเนื่อง จากจุดต่ำบริเวณ 1,554 จุด ขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือ 1,600 จุด มาอยู่ที่บริเวณ 1,620 จุด ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นกว่า 60 จุด ในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน โดยปัจจัยหนุนมาจากทิศทาง fund flow ที่ไหลกลับเข้ามา

ซึ่งในเดือน ต.ค. นักลงทุนต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิที่ 8.7 พันล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2.4 หมื่นล้านบาท รวมถึงความคาดหวังต่อการชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม หากดูผลประชุมล่าสุดของเฟด ดูเหมือนว่านักลงทุนในตลาด มีความคาดหวังไปเอง เรื่องการชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งแท้จริงแล้ว ผลประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย.ที่ผ่านมา เฟดยังส่งสัญญาณถึงความจำเป็นในการเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อ เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง

โดยบทสรุปจากการประชุมเฟด ผมนำบทวิเคราะห์ของ InnovestX สรุปให้ฟัง ดังนี้ครับ

1) คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 75 bps ตามคาด โดยเป็นการปรับขึ้นที่ 75 bps ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 65

โดยอัตราดอกเบี้ยเฟดขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% 2) เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ และมองว่าดอกเบี้ยสูงสุด (terminal rate) จะสูงกว่าที่ตลาดเคยคิดไว้ที่ 4.88% 3) มีการส่งสัญญาณว่าโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไป อาจชะลอลงกว่าครั้งนี้ได้ (น้อยกว่า 0.75%)

4) ในช่วงตอบคำถาม Powell (นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด) ได้ยอมรับถึงประเด็นที่ว่านโยบายการเงินมีการส่งผลต่อเศรษฐกิจล่าช้า (monetary lag) บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงที่จะขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไปจนกระทบเศรษฐกิจ รวมถึงโอกาสที่จะเกิด hard landing มีมากขึ้น แต่ยังส่งสัญญาณว่ากังวลความเสี่ยงการขึ้นดอกเบี้ยน้อยเกินไปแล้วทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นมากกว่า

5) ในแถลงการณ์ ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวมากขึ้น แต่ยังคงเน้นย้ำตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่สูงกว่าที่ Fed เคยคาดการณ์ไว้

ด้านมุมมองของ InnovestX ในการประชุมครั้งนี้ แม้ Powell และเฟดจะส่งสัญญาณมากขึ้นว่าเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น รวมถึงความเสี่ยงตลาดการเงินจะมีสูงขึ้น แต่เฟดจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนกว่าเงินเฟ้อลดลงชัดเจน

โดยมี message ใหม่คือ terminal rate จะสูงกว่าที่เคยคาด ทำให้เชื่อว่า ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะเกิด recession (ภาวะถดถอย) ในปีหน้า และทำให้เฟดต้องลดดอกเบี้ยในปี 2023 ดังนั้น InnovestX มองว่า ดอกเบี้ยของเฟดจะ peak (จุดสูงสุด) ในไตรมาส 1/23 ก่อนที่จะลดลงในไตรมาสต่อไป

ส่วนมุมมอง SET คาดว่ามีแนวโน้มพักตัว หลังตลาดผิดหวังต่อการชะลอเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาก่อน หลังดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าแนวรับบริเวณ 1,590-1,600 จุด

จะเริ่มมี downside จำกัด และในภาพรวมดัชนียังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ (มองเป้าหมายในสิ้นปี ถึงช่วงต้นปีหน้า ที่ระดับประมาณ 1,700 จุด) โดยมีปัจจัยหนุนจากภาวะเศรษฐกิจ และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ซึ่งจะดึงดูดให้ทิศทาง fund flow ไหลเข้าได้ต่อ ทำให้การอ่อนตัว เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม

โดยแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งคาดจะสามารถต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ ดังนี้

1) หุ้น earning play ซึ่งคาด 3Q-4Q65 กำไรมีแนวโน้มดี เลือก CRC, CPALL, BDMS และ LH 2) หุ้นที่ราคาปรับลงแรง และ valuation ไม่แพง (PBV ต่ำกว่า -1SD) สวนทางพื้นฐานที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้ เลือก MTC, GPSC, BGRIM และ SCGP 3) หุ้นขนาดใหญ่ที่ fund flow มีโอกาสไหลเข้า เลือก PTT, BBL, AOT และ ADVANC

…แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรักและหวังดี