ธ.ก.ส.จับมือเจียไต๋ นำนวัตกรรม-เทคโนโลยี ยกระดับสินค้าเกษตรไทย พร้อมสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพียง 4% วงเงินรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ตระหนักถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการพัฒนาและยกระดับภาคเกษตรไทย มุ่งเน้นการเกษตรมูลค่าสูง ทั้งพืชผัก ผลไม้ และสมุนไพรไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิตที่ตรงกับความต้องการของตลาดและมีมาตรฐานระดับสากล จึงได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรมูลค่าสูง” กับบริษัท เจียไต๋ จำกัด เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในภาคเกษตรกรรม
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
“ความร่วมมือระหว่าง ธ.ก.ส. และบริษัท เจียไต๋ จำกัด ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรในการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการเพาะปลูก ตอบโจทย์ปัญหาทำการเกษตรอย่างไรไม่ให้ขาดทุนและมีกำไรจากการลงทุน รวมถึงการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และเครื่องจักรกลการเกษตรมาปรับใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการผลิตให้เกษตรกรอย่างตรงจุด ทั้งกระบวนการผลิต การแปรรูป การเชื่อมโยงการตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ อันนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคง”
โดย ธ.ก.ส.จะเชื่อมโยงเกษตรกรในกลุ่มเป้าหมายเข้ามาเรียนรู้ พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำผ่านสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 ต่อปี วงเงินรวมกว่า 60,000 ล้านบาท
ด้านนายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ทางการเกษตรมากว่าศตวรรษ เจียไต๋พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาภาคเกษตรกรรม จึงร่วมมือกับ ธ.ก.ส. ริเริ่มโครงการที่จะสามารถผลักดันศักยภาพในการเพาะปลูกให้กับเกษตรกรไทยก้าวไปอีกขั้นสู่การเป็นเกษตรกรมืออาชีพที่มีความมั่นคงทางรายได้และมีความภาคภูมิใจในอาชีพ
โดยเจียไต๋ในบทบาทของโซลูชั่น โพรไวเดอร์ จะส่งมอบโซลูชั่นทางการเกษตรให้กับเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันองค์ความรู้การเพาะปลูก การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน ทั้งการวางแผนการผลิต การจัดการหลังเก็บเกี่ยว (post-harvest management) การแนะแนวด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเพาะปลูก รวมถึงการสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้จากการปลูกพืชมูลค่าสูงอย่างเมล่อนซึ่งเป็นที่นิยมและตลาดมีความต้องการสูง
นอกจากนี้ จะนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรมาปรับใช้ในกระบวนการผลิต เช่น โดรนเพื่อการเกษตรและโรงเรือนอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ เพิ่มคุณภาพในการเพาะปลูกและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรมีรายได้ที่มั่นคงและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เจียไต๋พร้อมให้ความร่วมมือในด้านอื่น ๆ กับ ธ.ก.ส. เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้เกษตรกรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนพร้อมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไทยความร่วมมือระหว่างสององค์กรแห่งภาคการเกษตรไทยในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งพันธกิจในการต่อยอดการพัฒนาการเกษตรของไทย โดยบันทึกข้อตกลงครั้งนี้กำหนดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ร่วมลงนามเป็นต้นไปถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร