หุ้นไทยลุ้นฟื้นตัวจากกรอบล่าง 1,615-1,625 จุด กาง 3 กลุ่มเลี่ยงลงทุน

หุ้น-ดัชนีหุ้น

หุ้นไทยลุ้นฟื้นตัวจากกรอบล่าง 1,615-1,625 จุด หลังตลาดตอบรับบรรยากาศลบจากความกังวลเฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อ-กังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐในปีหน้า เน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว กาง 3 กลุ่มเลี่ยงลงทุน “ถูกนำออก SET50-หุ้นอิเล็กทรอนิกส์-เดินเรือ”

วันที่ 7 ธันวาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) หรือเดิมชื่อ บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดดัชนี SET Index ได้รับบรรยากาศลบจากความกังวลเฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกต่อ และกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐในปีหน้า กดดันให้ดัชนีลงมาเคลื่อนไหวบริเวณกรอบล่าง 1,615-1,625 จุด อย่างไรก็ตามคาดว่าแนวนี้เป็นบริเวณฐานเดิมที่ยังรองรับได้ และมีโอกาสฟื้นตัว ด้านกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1,640-1,650 จุด โดยประเด็นสำคัญที่จับตาวันนี้

– จีนอาจประกาศ 10 มาตรการใหม่เพื่อผ่อนคลายการคุมโควิด-19 หลังหลายเมืองใหญ่ไม่ต้องแสดงผลตรวจเป็นลบในพื้นที่สาธารณะ

– Apple ประกาศลดและเลื่อนแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนรถยนต์อัตโนมัติไปจนถึงปี 2569 จากเดิมปี 2568

– คาด 20 ธ.ค. ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการช้อปดีมีคืน-เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 โดยยังอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมาย-จัดเตรียมงบฯ ก่อนตัดสินใจอีกครั้ง

– วันนี้ติดตามอัตราเงินเฟ้อ พ.ย. คาด 5.85% YOY ลดลงจาก ต.ค.ที่ 5.98% YOY ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานคาด 3.2% YOY จาก 3.17% YOY

– สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดไตรมาส 4/65 การส่งออกไทยติดลบ 1-3% จากเศรษฐกิจโลกชะลอ บาทแข็งค่า น้ำมันโลกทรงตัวสูง รวมทั้งฐานสูงปีก่อน คาดปีนี้ส่งออกโต 7-8% ส่วนปีหน้าคาดชะลอลงจากตลาดหลักชะลอตัว แต่ตลาดอาเซียน CLMV และตะวันออกกลางจะยังขยายตัวได้

– ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBB) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำในอัตราสูงสุด 0.45% เพื่อสร้างผลตอบแทนเงินออม และปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MRR ในอัตรา 0.125-0.25% มีผลวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังตลาดยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ จึงแนะนำ “Selective Buy” โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรจากความคาดหวังจีนเปิดประเทศหรือคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น เลือก SCGP, IVL, MINT, ERW

2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการจัดงานมหกรรมยานยนต์ (Motor Expo) ครั้งที่ 39 ซึ่งตลาดคาดเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 16% YOY เลือก TISCO

3) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/65 เติบโตแข็งแกร่ง YOY และ QOQ อีกทั้ง Valuation ยังน่าสนใจ เลือก BBL, GULF, SPALI, AOT, CPALL, AU

ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้

1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ในกลางปี 66 อาทิ BLA, IRPC, KCE, SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR, STEC, SUPER, SYNEX, TASCO, TTA)

2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน ไตรมาส 4/65

3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ GULF เนื่องด้วยไตรมาส 4/65 คาดผลประกอบการจะได้แรงหนุนจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC เพิ่มอีกหนึ่งหน่วย (662.5 MW) ส่วนปี’66 คาดกำไรยังโตดี 30% YOY จากกำลังผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้า IPP โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในโอมาน และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH

และ SCGP ที่ไตรมาส 4/65 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น YOY และ QOQ อันเป็นผลมาจากมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น โดยได้แรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล รวมทั้งต้นทุน RCP (ปรับลงเกือบต่ำสุดในรอบ 3 ปีในไตรมาส 4/65) และต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลงในระยะหลังนี้