
บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC ผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์ เวชสำอาง เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำ ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขาย IPO 150 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
วันที่ 5 มกราคม 2566 เภสัชกรสุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เปิดเผยว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบพัฒนาสูตรตำรับยาตามหลักการเภสัชกรรม การคัดสรรวัตถุดิบ การควบคุมและตรวจสอบขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและได้คุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล
ซึ่งปัจจุบันได้ผลิตและจำหน่ายยาสามัญแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องมือแพทย์ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการ (Business to Business : B2B) ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน บริษัทเอกชนและร้านขายยาค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (Business to Consumer : B2C) ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ผ่านทาง BKD Viva Healthy at Home
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
(1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา (Pharmaceuticals)
ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ประกอบด้วย เวชภัณฑ์ยาสามัญแผนปัจจุบัน (Generic Drugs) ที่บริษัท ผลิตตามสูตรยาต้นตำรับ (Originator Drugs) หรือยาจดสิทธิบัตร (Patented Drugs) ที่สิทธิบัตรหมดอายุการคุ้มครองไปแล้ว โดยเน้นกลุ่มยาที่รักษาโรคไม่ติดต่อ (Noncommunicable Diseases) เช่น กระดูกและข้อ ผิวหนัง ทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (Herbal Medicines) เป็นยาที่ผลิตโดยนำสารสกัดจากสมุนไพรจากวัตถุดิบที่หาได้ในประเทศ เช่น พริก ไพล กระชายดำ ว่านหางจระเข้ เพื่อนำมาผลิตเป็นยาสำหรับผู้บริโภคที่รักษาโดยการแพทย์ทางเลือก เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ (Animal Medicines) ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เศรษฐกิจ เช่น สุกร สัตว์ปีก โคนม และสัตว์น้ำ เป็นต้น เพื่อรักษาโรคติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นในฟาร์มปศุสัตว์
(2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา (Nonpharmaceuticals)
ประกอบด้วย เวชสำอาง (Cosmetic) ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท สำหรับบำรุงผิวหน้าและผิวกายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ครีม ขี้ผึ้ง เจล เป็นต้น
รวมทั้งรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับผู้ที่ต้องการทำสินค้าเป็นของตนเอง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูก และบำรุงสายตา ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ชนิดเม็ด ชนิดผง เป็นต้น ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้แก่ เจลหล่อลื่น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และสเปรย์ฉีดกันยุง เป็นต้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค กล่าวว่า บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของงานวิจัยที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยา จึงก่อตั้งศูนย์วิจัย BLC เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มุ่งเน้นผลิตยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) รวมทั้งรับการถ่ายทอด
เทคโนโลยีจากหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพร ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์สมุนไพรผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลเหมือนยาแผนปัจจุบัน ทำการศึกษาทางคลินิกเพื่อยืนยันประสิทธิผลการรักษา เป็นที่ยอมรับของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงยาและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น ลดการพึ่งพิงการนำเข้ายาหรือนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
“BLC ดำเนินธุรกิจยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร ด้วยการวิจัยพัฒนา ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง และรับจ้างผลิตให้กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนมุ่งเน้นพัฒนากระบวนการผลิตให้อยู่ในมาตรฐานระดับสากล เช่น GMP, ISO 9001, ISO/IEC17025, ISO 22000, GHP และ HACCP เป็นต้น
ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นที่ยอมรับในความปลอดภัยและให้คุณประโยชน์แก่ผู้บริโภค ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของบริษัท และยึดมั่นหลักการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน โดยเน้นหลักบรรษัทภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน” ภก.สุวิทย์กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ แบ่งเป็น
1) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 20% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้
2) ผู้ถือหุ้นเดิมคือ Viva Sonata Pte., Ltd. เสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวน 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้
โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนโครงการในอนาคต จ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ปรึกษาทางการเงิน และ/หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ