แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 54 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า SET

นายรณชิต แย้มสอาด

แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวนไม่เกิน 54 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ชูประสบการณ์ในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนกว่า 36 ปี บริการศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง-ความเชี่ยวชาญการรักษาโรคเฉพาะทางแม่และเด็ก

วันที่ 18 มกราคม 2566 นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “PRHG”) ผู้ให้บริการทางการแพทย์ภายใต้โรงพยาบาลจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลแพทย์รังสิต โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 และโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต เปิดเผยว่า

ขณะนี้ PRHG ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัท เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 54,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นร้อยละไม่เกิน 18.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อจะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE)/การแพทย์ (HELTH)

ทั้งนี้ โรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งดังกล่าว สามารถรองรับผู้รับบริการทางการแพทย์จากคนในจังหวัด กรุงเทพตอนเหนือ ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง โดยให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้าภายใต้สวัสดิการภาครัฐ และลูกค้าชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต มีจำนวนเตียงจดทะเบียนรวมทั้งหมด 270 เตียง ประกอบด้วยจำนวนเตียงจดทะเบียนของ โรงพยาบาลแพทย์รังสิต โรงพยาบาลแพทย์รังสิต2 และโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต จำนวน 155 เตียง 59 เตียงและ 56 เตียง ตามลำดับ

โดยมีทีมงานบริหารที่มีประสบการณ์กว่า 36 ปี พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า 30 สาขาที่พร้อมให้บริการดูแลรักษาและให้คำปรึกษาสำหรับผู้บริการในทุก ๆ กลุ่ม นอกจากนี้กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตยังให้บริการศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมงซึ่งถือเป็นศูนย์หัวใจที่มีความพร้อมและประสิทธิภาพสูง มีศักยภาพในการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด (Open Heart Surgery)

และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านการทำหัตถการรักษาหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน ระดับ 1 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวใน สปสช. เขต 4 ซึ่งประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และนครนายก

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาองค์กรให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาระดับสากลและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กร ส่งผลให้บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (Hospital Accreditation : HA) ขั้นที่ 3 โดยสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์กรมหาชน) (สรพ.)

ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานประสิทธิภาพในด้านการให้บริการทางการแพทย์เพื่อแสดงถึงคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ของกลุ่มโรงพยาบาลที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ ยังมีกลยุทธ์หลักในการดำเนินการของกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต เพื่อมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งในด้านเอกลักษณ์องค์กร (Brand Identity) ต่อผู้รับบริการทั้งผู้รับบริการเก่าและใหม่ ผ่านความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์เพื่อสร้างจุดแข็งในการแข่งขันในกลุ่มโรคผู้สูงอายุและโรคทางนรีเวช เพื่อเป็นการยกระดับให้เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิและเป็นศูนย์ส่งต่อของโรงพยาบาลในเขต 4 และกรุงเทพตอนเหนือ รวมถึงการเป็นโรงพยาบาลที่เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาด้านนวัตกรรมและกระบวนการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจ และความสะดวกสบายให้แก่ผู้รับบริการทุกกลุ่ม” นางสาวเดือนพรรณกล่าว

ด้าน นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRHG กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท อ้างอิงข้อมูลจากงบการเงินรวมสำหรับงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562-2564 มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลจำนวน 1,441.14 ล้านบาท 1,540.65 ล้านบาท และ 1,971.02 ล้านบาท ตามลำดับ

โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 2562-2564 คิดเป็น ร้อยละ 15.02 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 และ 2565 รายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลจำนวน 1,387.78 ล้านบาท และ 1,606.12 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 15.73

สำหรับงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 2563 และ 2564 กำไรสุทธิของบริษัท มีจำนวน 60.16 ล้านบาท 104.64 ล้านบาท และ 317.48 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.12 ร้อยละ 6.73 และร้อยละ 15.99 ตามลำดับ และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 และ 2565 กำไรสุทธิของบริษัทฯ มีจำนวนเท่ากับ 235.86 ล้านบาท และ 270.37 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 16.86 และร้อยละ 16.73 ตามลำดับ

สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการช่วงปี 2566-2569 ได้แก่ (1) เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถ ภายในปี 2567 (2) เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 1 ภายในปี 2567 (3) เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 ภายในปี 2569 (4) เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ภายในปี 2567 (5) เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วน ภายในปี 2566 และ (6) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ภายในปี 2566

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท


ทั้งนี้อัตราการจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู่กับ ผลการดำเนินงานของบริษัท สภาพแวดล้อมทางเศษฐกิจและอุตสาหกรรม โครงการในอนาคตของบริษัท และเสถียรภาพทางการเงิน ตามที่คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นสมควรหรือเหมาะสมทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น