แบงก์คาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ชี้เงินร้อนทยอยออก ลดกดดันบาทแข็ง

เงินบาท ค่าเงินบาท ดอกเบี้ย

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทเคลื่อนไหว 32.50-33.30 บาทต่อดอลลาร์ จับตาผลประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี สู่ระดับ 1.50% ต่อปี พร้อมเกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำหนดทิศทางนโยบายการเงิน ชี้เงินร้อนไหลเข้าบอนด์ส่งสัญญาณไหลกลับ

วันที่ 22 มกราคม 2566 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 23-27 มกราคม 2566) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.65-33.15 บาทต่อดอลลาร์

โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม จะเป็นการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของปี 2566 ซึ่งตลาดรอดูทิศทางนโนบายการเงิน เนื่องจากธนาคารกลางในประเทศภูมิภาค เช่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ เป็นต้น ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

โดยธนาคารคาดการณ์ว่า กนง. น่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) ขึ้นอีก 0.25% ต่อปี แต่จะเห็นเสียงของคณะกรรมการไม่ออกมาเป็นเอกฉันฑ์เหมือนก่อนหน้า

นอกจากนี้ ประเด็นตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ และมีผลต่อค่าเงินจะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตและบริการ (PMI) รวมถึงตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 4/2565 ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นดัชนีชี้วัดค่าเงินสกุลดอลลาร์

เพราะหากตัวเลขทั้ง 3 ตัวออกมาค่อนข้างแย่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำย่อลงตัวได้ รวมถึงติดตามตัวเลขความเชื่อมั่นเยอรมัน และดัชนีภาคการผลิตของยุโรป ซึ่งจะมีผลต่อค่าเงินยูโรเช่นกัน

สำหรับทิศทางกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 16-20 ม.ค.) ตลาดหุ้นซื้อสุทธิ 1,500 ล้านบาท ส่วนตลาดพันธบัตร (บอนด์) ขายสุทธิราว 2.9 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการขายบอนด์ระยะสั้น

ส่วนภาพในสัปดาห์หน้า ประเมินว่า ตลาดหุ้นยังคงมีแรงขาย และเข้ามาซื้อในช่วงดัชนีย่อตัวลง โดยสุทธิน่าจะเป็นการซื้อสุทธิรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ตชาดบอนด์ยังคงเห็นแรงเทขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวสั้น และตลาดยังคงรอดูผลการประชุมกนง. ทำให้ภาพรวมเงินบาทอาจจะไม่ได้แข็งค่าเยอะมาก

“กรอบเงินบาทไม่น่าจะลุ้นแนว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ เพราะสัปดาห์หน้าเรามีกนง.นักลงทุนยังคงไม่กล้าทำอะไร ซึ่งเรามองว่าคราวนี้กนง.อาจจะเสียงแตก ไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ต่อปี และราคาทองคำอยู่ที่ 1,950 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็ช่วยซัพพอร์ตเงินบาท โดยรวมเราคิดว่าตลาดบอนด์น่าจะเทขายสุทธิประมาณ 5,000 ล้านบาท”

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 23-27 มกราคม 2566) ผันผวนอยู่ที่ 32.50-33.30 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลค่าใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลเดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแรงกดดันด้านเงินและทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในระยะถัดไป

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.50% ในการประชุมวันที่ 25 ม.ค. นี้ โดยนักลงทุนจะติดตามการประเมินของ กนง.เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะถัดไป ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่ำของภาคส่งออก และความเสี่ยงด้านสูงของภาคท่องเที่ยว

นอกจากนี้ เริ่มมีสัญญาณว่ากระแสเงินร้อนของต่างชาติออกจากพันธบัตรระยะสั้นของไทยบ้างแล้ว ช่วงต้นสัปดาห์หน้าการซื้อขายอาจเบาบางขณะตลาดการเงินหลายแห่งในเอเชียหยุดเนื่องในเทศกาลตรุษจีน

“เงินบาทแข็งค่าตั้งแต่ต้นปีจากการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐฯ ใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และราคาทองคำที่ดีดตัวขึ้น”