ทรู-ดีแทค ยันการควบรวมเดินหน้าไม่สะดุด แม้ศาลเรียกเข้าเป็นผู้ร้องสอด

ทรู ดีแทค true dtac

ทรู-ดีแทค ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ กรณีคดีฟ้องร้อง กสทช. เหตุศาลปกครองกลางมีคำสั่งเรียกสองบริษัทเข้าเป็นผู้ร้องสอด ยันไม่กระทบกระบวนการควบรวมกิจการ เหตุดำเนินการตามกฎหมายบริษัทมหาชน

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

ถึงข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่มีการฟ้องร้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับมติรับทราบกรณีการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเรียกให้ทั้งสองบริษัท เข้ามาเป็นผู้ร้องสอด

1.เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 องค์กรอิสระแห่งหนึ่งกับพวก ได้ยื่นฟ้อง กสทช. และสำนักงาน กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อซอให้ศาลเพิกถอนมติ กสทช. ซึ่งรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทระหว่าง TRUE และ DTAC

และยื่นคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวโดยขอให้ศาลสั่งทุเลาการบังคับตามมติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทดังกล่าว กับขอให้ศาลสั่งห้ามหรือระงับการกระทำและนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับมติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัท

ต่อมา ศาลมีคำสั่งเรียกให้ TRUE และ DTAC เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าวเนื่องจาก TRUE และ DTAC เป็นบุคคลภายนอกที่อาจถูกผลกระทบจากผลแห่งคำพิพากษาคดีนี้

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวทั้งฉบับ เนื่องจากไม่มีเหตุรับฟังได้ว่ามติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทของ กสทช. ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคำสั่งยกคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวเป็นที่สุดและผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้

2.เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายหนึ่ง ได้ยื่นฟ้อง กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมติ กสทช. ซึ่งรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทระหว่าง TRUE และ DTAC และยื่นคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่คราวโดยขอให้ศาลสั่งทุเลาการบังคับตามมติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทดังกล่าว กับขอให้ศาลระงับการรวมธุรกิจชั่วคราว

ต่อมา ศาลมีคำสั่งเรียกให้ TRUE และ DTAC เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าวเนื่องจาก TRUE และ DTAC เป็นบุคคลภายนอกที่อาจถูกผลกระทบจากผลแห่งคำพิพากษาคดีนี้

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวทั้งฉบับ เนื่องจากไม่มีเหตุรับฟังได้ว่ามติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทของ กสทช. ตังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคำสั่งยกคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวเป็นที่สุดและผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้งสองคดีดังกล่าวข้างต้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ซึ่งการที่มีคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการควบบริษัทระหว่าง TRUE และ DTAC ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดแต่อย่างใด

ส่วนการปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่กำหนดโดย กสทช.นั้น ภายหลังจากที่ กสทช. ได้มีมติรับทราบรายงานการรวมธุรกิจของ TRUE และ DTAC และเห็นชอบเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับการรวมธุรกิจ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 TRUE และ DTAC ได้ร่วมกันพิจารณาและดำเนินการตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่ กสทช. กำหนด โดยเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่ต้องดำเนินการก่อนการควบบริษัท มีดังต่อไปนี้

1.จัดทำแผนการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นรูปธรรม โดยต้องนำส่งภายใน 60 วัน หลังจากได้รับแจ้งเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ทั้งนี้ TRUE และ DTAC ได้นำส่งแผนดังกล่าวต่อเลขาธิการ กสทช. แล้ว เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565

2.จัดทำแผนการให้บริการแก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน (MVNO) และแผนการแยกการบริหารจัดการ ระบบบัญชี สำหรับการให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่กับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยต้องนำส่งแผนดังกล่าวก่อนการรวมธุรกิจ ซึ่ง TRUE และ DTAC จะนำส่งแผนดังกล่าวต่อเลขาธิการ กสทช. ก่อนการควบบริษัทแล้วเสร็จต่อไป

นอกจากนี้ สำหรับเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะอื่น ๆ ที่ กสทช. กำหนดให้ต้องดำเนินการภายหลังการควบบริษัทแล้วเสร็จ คณะกรรมการของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัทระหว่าง TRUE และ DTAC จะพิจารณาเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะดังกล่าวและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป