สงครามราคาทุบหนัก เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พลิกขาดทุนปี 2565 กว่า 2 พันล้าน

Kerry Express

สงครามราคาพัสดุทำพิษ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express) พลิกขาดทุนหนักกว่า 2 พันล้านบาท จากราคาส่งพัสดุที่ถูกลง ดีเซลราคาสูงขึ้น และปัญหาตลาดแรงงาน

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการประจำปี 2565 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ มีรายได้อยู่ที่ 17,003.0 ล้านบาท มีต้นทุนการขายและให้บริการ 18,685.1 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 2,898.5 ล้านบาท

โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นคือ ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก และสภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวทั่วประเทศ

               

ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นรายได้หลักของบริษัท กลายเป็นกลุ่ม B2C (Business to Consumer) ต่างจากเมื่อปี 2564 กลุ่มลูกค้าที่เป็นรายได้หลักคือ กลุ่ม C2C (Consumer to Consumer)

บริษัทให้คำอธิบายเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ผลประกอบการที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทดำเนินกลยุทธ์ด้านการจัดส่งพัสดุด่วนอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเพิ่มปริมาณการจัดส่งพัสดุได้ถึง 18% แต่ด้วยการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้รายได้ของบริษัทนั้นลดลงจากการปรับลดราคาค่าส่งพัสดุ

ขณะที่ต้นทุนการขายและการให้บริการของบริษัท ในปี 2565 กลับสูงขึ้น จากราคาน้ำมันดีเซลในปีที่ผ่านมา ที่ปรับขึ้นถึง 22.5% รวมถึงตลาดแรงงานที่มีภาวะตึงตัวในหลายภูมิถาค ที่เพิ่มความท้าทายต่อการปรับใช้แผนการลดค่าใช้จ่ายของบริษัท

โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับลดค่าใช้จ่ายที่เข้มข้นขึ้น ตั้งแต่การลดค่าใช้จ่ายและทรัพยากรส่วนเกินเชิงรุก การปรับโครงสร้างพนักงานในองค์กร การปิดจุดให้บริการและศูนย์กระจายพัสดุที่มีต้นทุนสูงและประสิทธิภาพต่ำ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน

บริษัทยังระบุอีกว่า แม้จะดำเนินแผนลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยการลดลงของ Margin ได้

ขณะที่เป้าหมายในปี 2566 บริษัทระบุว่า ให้ความสำคัญอย่างสูงกับการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไร พร้อมกับการมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการ ผ่านการปรับขนาดของเครือข่ายให้เหมาะสม ปรับปรุงกระบวนการด้วยระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงสัดส่วนรายได้ตามกลุ่มลูกค้า (Revenue Mix) ที่เหมาะสมของบริษัท

ใช้แนวคิด LEAN เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริษัท

เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ประกาศใช้แผนเชิงรุก ด้วยแนวคิดแบบ LEAN โปรแกรม เข้ามาปรับใช้ในการทำงาน รวมถึงแผนการลงทุนเพื่อเร่งพัฒนาประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน

โดยแผนเชิงรุกดังกล่าว ประกอบด้วย การลดต้นทุนในการจัดการค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด และยกเลิกการใช้ทรัพยากรที่ไม่คุ้มค่า การลดค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูง การงดและจำกัดการรับพนักงานเพิ่มชั่วคราวในทุกแผนก และการปิดจุดการให้บริการในสาขาที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามกำหนด

นอกจากนี้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ยังเร่งการลงทุนในด้านการจัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบที่จะเข้ามาพัฒนากระบวนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติยิ่งขึ้นในหลาย ๆ ด้าน โดยเครื่องมือและอุปกรณ์ชุดแรกจะมาถึงกรุงเทพฯ ในไตรมาสแรก และจะพร้อมใช้งานภายในไตรมาส 2 นี้

แนะธุรกิจรับ-ส่งพัสดุเร่งปรับตัว มุ่งสู่ตลาดใหม่

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ SCB EIC ของธนาคารไทยพาณิชย์ เคยแนะนำไว้เมื่อปี 2565 ว่า การแข่งขันของธุรกิจรับ-ส่งพัสดุในปี 2565 การแข่งขันด้านราคายังมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่อง จากที่ผู้เล่นรายใหญ่ยังคงใช้กลยุทธ์ด้านราคา อีกทั้ง ยังมีผู้เล่นอีกหลายรายที่เร่งขยายการให้บริการ

อย่างไรก็ดี แนวโน้มการลดลงของค่าจัดส่งพัสดุจากการแข่งขันอาจจะค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอัตราค่าจัดส่งพัสดุในปัจจุบันได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มให้บริการไม่คุ้มทุนแล้ว และมีบางรายที่ยังขาดทุนต่อเนื่องหลายปี หรือแม้กระทั่งปิดกิจการไป ยิ่งไปกว่านั้น ต้นทุนดำเนินการของผู้ประกอบการก็ปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการควรเริ่มปรับตัวและขยายบริการไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่ยังเป็นตลาดที่ค่อนข้าง Blue Ocean มากยิ่งขึ้น ได้แก่

  1. เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
  2. เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ หรือแบบไม่เต็มคันรถ (Less than Truckload: LTL)
  3. เทรนด์การให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร
  4. เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน ทั้งสินค้าแบบแช่เย็นและแช่แข็ง