กำไร บจ.ไตรมาส 4/65 ทรงอย่างแบด กดดันต่างชาติเทขายหุ้นไทยไม่หยุด

ตลาดหุ้น SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Image by Csaba Nagy from Pixabay

บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์กำไรบริษัทในตลาดหุ้นไทยงวดไตรมาส 4/65 ที่ออกมาแล้ว 65 บริษัท จาก 648 บริษัท ต่ำกว่าที่พยากรณ์ไว้ถึง 22% ผนวกปัจจัยดาวน์ไซด์ประมาณ EPS ปี 2566 กดดันต่างชาติเทขายหุ้นไทยไม่หยุด

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานว่า เดือน ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่อง หลังเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลออกกว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักมาจากกำไรบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) งวดไตรมาส 4/2565 ต่ำกว่าที่พยากรณ์ไว้ (negative surprise) หรือผิดจากค่าเฉลี่ยความเห็นนักวิเคราะห์ (Consensus) คาดการณ์ไว้ถึง 22%

โดยมีการรายงานออกมาแล้ว 65 บริษัท (จาก 648 บริษัท) มีกำไรสุทธิ 70,000 ล้านบาท ลดลง 33.2% เทียบจากไตรมาส 3/2565 (QOQ) และลดลง 23.4% เทียบจากไตรมาส 4/2564 (YOY)

โดยพบว่าส่วนแตกต่างระหว่างกำไรพยากรณ์กับกำไรที่เกิดขึ้นจริง (earning surprise) ดังนี้

  • กลุ่ม energy ที่ประกาศออกมาแล้ว 3 จาก 21 บริษัท ลดลง 29.27%
  • กลุ่ม materials ที่ประกาศออกมาแล้ว 14 จาก 74 บริษัท ลดลง 90.63%
  • กลุ่ม consumer discretionary ที่ประกาศออกมาแล้ว 8 จาก 86 บริษัท ลดลง 20.57%
  • กลุ่ม financials ที่ประกาศออกมาแล้ว 14 จาก 63 บริษัท ลดลง 22.24%
  • กลุ่ม information technology ที่ประกาศออกมาแล้ว 3 จาก 33 บริษัท ลดลง 23.91%
  • กลุ่ม communication services ที่ประกาศออกมาแล้ว 5 จาก 34 บริษัท ลดลง 12.84%
  • กลุ่ม real estate ที่ประกาศออกมาแล้ว 8 จาก 107 บริษัท ลดลง 0.28%

โดยโครงสร้างกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 ดังนี้

  • เซ็กเตอร์พลังงานและสาธารณูปโภค/ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ คิดเป็น 34%
  • เซ็กเตอร์ธนาคารพาณิชย์ 19%
  • เซ็กเตอร์พาณิชย์ 6%
  • เซ็กเตอร์อสังหาริมทรัพย์ 6%
  • เซ็กเตอร์อาหารและเครื่องดื่ม 6%
  • เซ็กเตอร์ไอซีที 5%
  • เซ็กเตอร์ขนส่งและโลจิสติกส์ 5%
  • เซ็กเตอร์วัสดุก่อสร้าง 4%
  • เซ็กเตอร์เงินทุนและหลักทรัพย์ 4%
  • เซ็กเตอร์การแพทย์ 3%
  • เซ็กเตอร์อื่น 8%

ทั้งนี้ หากพิจารณาในมุมเป้าหมายดัชนี SET Index นอกจากมีดาวน์ไซด์ของประมาณกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2566 ยังมีประเด็นกดดันเพิ่มเติมจากการขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งฝ่ายวิจัยเอเซียพลัสฯ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสขึ้นอีก 1 ครั้งในปีนี้ (1.75%) ตามกลไกจะกดดันอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (P/E) ตลาดให้ซื้อขายถูกลง 0.73 เท่า เหลือ 16.81 เท่า และเมื่อนำไปคูณกับ EPS ปี 2566 ที่ระดับ 97.2-99.2 บาทต่อหุ้น ทำให้เป้าหมาย SET Index อยู่ระหว่าง 1,634-1,667 จุด