เปิดอาณาจักรเจ้าสัวธนินท์ 4 บริษัทใหญ่ตลาดหุ้น รายได้ทะลุ 2 ล้านล้าน

เปิดอาณาจักรเจ้าสัวธนินท์

เปิดอาณาจักรกลุ่ม ซี.พี. 4 บริษัทใหญ่ในตลาดหุ้นไทย “CPF-CPALL-MAKRO-TURE” 4 โบรกเกอร์คาดการณ์รายได้ปี 2565 ทะลุ 2 ล้านล้านบาท

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ “กลุ่ม ซี.พี.” โดยมีเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ นั่งตำแหน่งประธานอาวุโส วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” จะพาไปสำรวจผลการดำเนินงานปี 2565 ของหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่ม ซี.พี. ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวนทั้งสิ้น 4 บริษัท ประกอบด้วย

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ผู้นำธุรกิจอาหารและเลี้ยงสัตว์แบบครบวงจร มีโรงงานผลิต 370 แห่ง ฟาร์มเลี้ยงสัตว์บกและสัตวน้ำกว่า 989 แห่ง ใน 21 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ

บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น กว่า 13,141 สาขา

บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ที่มีศูนย์กระจายสินค้ากว่า 149 สาขา และไฮเปอร์มาร์เก็ต/ซูเปอร์มาร์เก็ต/มินิซูเปอร์มาร์เก็ตของ Lotus’s และ Lotus Supercenter 2,791 สาขา

และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ผู้นำเครือข่ายโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต

รายได้รวมทะลุ 2 ล้านล้าน

โดยเป็นการประมาณการรายได้ของนักวิเคราะห์ ก่อนที่จะมีการแจ้งผลประกอบการในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ โดยประเมินว่าทั้ง 4 บริษัทจะมีรายได้รวมกันสูงถึง 2.04 ล้านล้านบาท มาจากรายได้ CPF จำนวน 619,386 ล้านบาท รายได้ CPALL จำนวน 821,204 ล้านบาท รายได้ MAKRO จำนวน 465,918 ล้านบาท และรายได้ TRUE อีกจำนวน 137,507 ล้านบาท

สำหรับคาดการณ์รายได้ของ CPF จาก บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ขณะที่คาดการณ์รายได้ของ CPALL โดย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เติบโตขึ้นกว่า 45.3%

ส่วนรายได้ MAKRO คาดการณ์โดย บล.หยวนต้า จะเติบโตกว่า 75.5% ทั้งนี้มีเพียง TRUE ที่รายได้จะลดลง 4.27% คาดการณ์โดย บล.เมย์แบงก์

CPF-CPALL กำไรพุ่ง

ขณะที่ในแง่ของตัวเลขกำไรนั้น คาดการณ์ว่ามีเพียง CPF และ CPALL ที่จะทำกำไรเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% และ 14,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.3% ตามลำดับ

ขณะที่คาดการณ์ MAKRO มีกำไรเหลือ 8,735 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 36.2% ด้าน TRUE ขาดทุนกว่า 9,744 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 2,967 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเปลี่ยนแปลง -582%

สำหรับหุ้น MAKRO นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า คาดว่า ในปี 2566 การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ MAKRO จะเพิ่มขึ้น 7-8% เทียบจากปีก่อน และ LOTUS เพิ่มขึ้น 5-6% ซึ่งยอดขายโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2565 ที่คาดว่า MAKRO จะมี SSSG เพิ่มขึ้น 9-10% และ LOTUS เพิ่มขึ้น 2-3% ได้ โดยรับประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่น และในไตรมาส 1/2566 มีโอกาสเป็นบวกต่อเนื่อง จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน และมาตรการช้อปดีมีคืนช่วยหนุนกำลังซื้อ

โดยหลังจาก MAKRO เพิ่มสภาพคล่อง Free Float ได้ตามเงื่อนไขในสัดส่วนที่ 15.04% ประเมินกำไรปกติปี 2566 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน ให้ราคาเป้าหมาย 48 บาท คงคำแนะนำ “ทยอยสะสม”

TRUE ขาดทุนเพิ่มขึ้น

ขณะที่หุ้น TRUE ทาง บล.เมย์แบงก์ ประเมินผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ขาดทุนสุทธิ 3,100 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 1,300 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2564 และ 2,600 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2565 ลดลง 0.4% YOY และเพิ่มขึ้น 0.9% QOQ ทั้งนี้ หลังควบรวมกิจการกับดีแทค เสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 3 มี.ค. 2566 บล.เมย์แบงก์คาดว่าผลขาดทุนสุทธิของบริษัทใหม่จะลดลง YOY เหลือ 403 ล้านบาทในปี 2566 จากการเติบโตของรายได้ 3.2% และค่าใช้จ่ายบางรายการที่ลดลง หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง 4.1 พันล้านบาท กำไรหลักของบริษัทใหม่คาดจะอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท

โดยราคาเป้าหมายใหม่ของ TRUE อยู่ที่ 5.32 บาท สะท้อนผลตอบแทนรวม 10% ส่งผลให้เราลดคำแนะนำ TRUE จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”

CPALL รับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น

ส่วนหุ้น CPALL นักวิเคราะห์คาดว่า จากแนวโน้มการเติบโตโดดเด่นของธุรกิจร้านเซเว่นฯ รวมทั้งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของแม็คโคร และการฟื้นตัวของโลตัส ซึ่งล้วนเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในประเทศไทยที่ได้ผลบวกโดยตรงจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยว คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/2565 เติบโตดี QOQ และ YOY เป็นระดับสูงสุดของปี แม้จะมีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลง 15% และ 9% ผลจากค่าใช้จ่ายและค่าไฟสูงขึ้น แต่คาดว่ากำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง 21% ในปี 2566 และ 23% ในปี 2567 แนะนำซื้อ CPALL โดยให้ราคาเป้าหมาย 79 บาท

และสุดท้าย CPF นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 4/2565 ชะลอลง QOQ แต่ฟื้นตัวชัดเจน YOY จากราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่ากำไรปี 2566 เติบโตต่อเนื่อง 16% จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยชดเชยอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มลดลงจากราคาเนื้อสัตว์ที่ชะลอตัวจากฐานสูงในปีก่อน

ประกอบกับคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการ Rollover ราคาเป้าหมายมาเป็นปีนี้ที่ 32.80 บาท จากเดิม 32.40 บาท ยังคงคำแนะนำซื้อ

ทั้งนี้ ตามคาดการณ์นักวิเคราะห์คาดว่า TRUE จะประกาศงบฯไตรมาส 4/2565 ในช่วงวันที่ 17 ก.พ. 2566 ตามมาด้วย MAKRO ในวันที่ 20 ก.พ. 2566 และตามมาด้วย CPALL ในวันที่ 23 ก.พ. 2566 และปิดท้ายที่ CPF ในวันที่ 24 ก.พ. 2566

อ้างอิงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, SETTRADE