หุ้นกู้ ซีพี ออลล์ 3 รุ่น เคาะดอกเบี้ย 2.95-4.20% เปิดขาย 20-22 ก.พ.นี้

หุ้นกู้ ซีพี ออลล์

“ซีพี ออลล์” ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เซเว่นดีลิเวอรี่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ สยามแม็คโคร ประกาศอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ 3 รุ่น เตรียมเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป 20-22 ก.พ.นี้ จ่ายดอกเบี้ย 2.95%, 3.55% และสูงสุด 4.20% ต่อปี ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง พร้อมขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ชุดใหม่ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.95% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี และรุ่นอายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.20% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน

โดยหุ้นกู้รุ่นอายุ 12 ปี บริษัทสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่ 7 ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ในระหว่างวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2566 ผ่านสถาบันการเงิน 7 แห่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร รวมถึงมีการขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบโจทย์นักลงทุนยุคดิจิทัล อีกด้วย

เกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ
เกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ

ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ เชื่อว่า หุ้นกู้ของบริษัทจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแล้ว บริษัทและหุ้นกู้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) ซึ่งสะท้อนถึงพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย การขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว

“นอกจากนี้ ผลตอบแทนของหุ้นกู้ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี รวมถึงลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับผลตอบรับสูงจากลูกค้า โดยปัจจุบันมีลูกค้าสมาชิก ‘All Member’ อยู่มากกว่า 14 ล้านคน” นายเกรียงชัยกล่าว

ขณะเดียวกัน “ซีพี ออลล์” จะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยมากกว่า 10 ล้านคน มากกว่าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าไว้เดิม และคาดการณ์ว่าในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านคน หลังจากจีนตัดสินใจเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาด ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 จากเดิมที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงกลางปี ซึ่งการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวที่กลับมาอย่างคึกคักคาดว่าจะส่งผลดีต่อ “ซีพี ออลล์” โดยตรง

ทั้งนี้ “ซีพี ออลล์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ที่ให้บริการความสะดวกกับชุมชน โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทมีสาขา “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดให้บริการมากกว่า 13,000 สาขา และภายในปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 700 สาขา โดยเน้นในรูปแบบร้านเดี่ยว (Standalone) ที่มีพื้นที่จอดรถหน้าร้าน ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศ คาดว่าในปี 2566 จะเริ่มเห็นสาขาของ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ใน สปป.ลาว ขณะที่ในประเทศกัมพูชามีการเปิดสาขาไปแล้วกว่า 40 สาขา และยังจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในปี 2566

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจแบบ O2O ที่ผสมผสานช่องทาง Omni-Channel ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงบริการดีลิเวอรี่ของ “เซเว่นอีเลฟเว่น” (7Delivery) ที่จัดส่งสินค้าถึงบ้าน ผ่านทางแอปพลิเคชั่น เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอีกด้วย

บริษัทยังเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนระดับโลก โดยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing กลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 (2017-2022) และกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (2018-2022) โดย “ซีพี ออลล์” เป็นองค์กรเดียวในประเทศไทยในกลุ่มดัชนี DJSI World ของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย