ไขคำตอบ โอนหุ้น “โดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน” เสียภาษีหรือไม่ ?

โอนหุ้น
ภาพจาก PIXABAY

ไขคำตอบ โอนหุ้น “โดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน” เสียภาษีหรือไม่ หลังจาก เศรษฐา ทวีสิน โอนหุ้น แสนสิริ ทั้งหมดกว่า 661 ล้านหุ้น ให้ลูกสาวด้วยวิธีการนี้ผ่าน บล.เกียรตินาคินภัทร เพื่อเตรียมพร้อมลงเล่นการเมือง

วันที่ 10 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI

ได้โอนหุ้นทั้งหมดของ SIRI จำนวนกว่า 661,002,734 หุ้น ให้แก่นางสาวชนัญดา ทวีสิน (บุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว) โดยเป็นการโอน “โดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน” ทำรายการนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

เศรษฐา ทวีสิน
แฟ้มภาพ

โดยเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานการเมือง ผมจึงทำการโอนหุ้น หรือขายหุ้นของผมในบริษัทต่าง ๆ ลดบทบาทของตนเองในภาคเอกชนลง และได้ดำเนินการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกกรณีครับ

ทั้งนี้ ประชาชาติธุรกิจจะพาไปไขคำตอบว่าวิธีการโอนหุ้น “โดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน” ตามกรณีนี้จะเสียภาษีหรือไม่

โดยหากเจาะลึกลงในรายละเอียดเรื่องภาระภาษีสำหรับการโอนหุ้นจดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีลูกค้ามีการโอนหุ้นของบริษัทจดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉพาะกรณีการโอนข้ามชื่อ ลูกค้ามีภาระภาษีการโอนหุ้นดังต่อไปนี้

  1. กรณีบุคคลธรรมดาเป็นผู้โอน/ผู้ขายหุ้น ให้พิจารณาตามเกณฑ์เงินสด

1.1.กรณีผู้โอน/ผู้ขายมีกำไร ผู้โอน/ผู้ขายจะต้องนำกำไรที่ได้รับ เสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนผู้รับโอน/ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราก้าวหน้าตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร และนำส่งให้กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย

1.2 กรณีผู้โอน/ผู้ขายไม่ได้รับค่าตอบแทน ผู้โอน/ผู้ขายไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากไม่ได้รับเงินจากการทำธุรกรรม ดังนั้น ผู้รับโอน/ผู้ซื้อจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่เนื่องจากผู้รับโอน/ผู้ซื้อได้รับหุ้นมาโดยไม่มีต้นทุนค่าใช้จ่าย จึงถือว่าผู้รับโอนมีเงินได้เท่ากับราคาตลาดของหุ้น ซึ่งต้องนำไปเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร

โอนหุ้นให้โดยเสน่หา ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้

อย่างไรก็ดี การโอนที่เกิดจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา (เช่น พ่อแม่โอนให้ลูก เคสเดียวกับกรณีคุณเศรษฐา ทวีสิน) จากการรับมรดก หรือจากการให้โดยเสน่หา เนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ผู้รับโอนได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรัษฎากร

ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติหรือแม้แต่ในทางกฎหมายก็เคยมีคดีครึกโครมทั่วฟ้าเมืองไทยกันแล้ว แถมยังมีประเด็นโต้แย้งกันค่อนข้างบ่อยว่า ให้เท่าไหร่ถึงจะเป็นการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา ทำให้มีประเด็นโต้แย้ง หรือประเด็นประเมินภาษีอยู่บ่อย ๆ ดังนั้น หากมูลค่าหุ้นที่จะโอนให้กันไม่มาก เชื่อว่าหากมีประเด็นน่าจะพอหยิบยกเอาเจตนา และกฎหมายข้างต้นมาใช้ประกอบการชี้แจงได้

แต่หากมูลค่ามาก ลูกก็มีรายได้ และฐานะการเงินที่ดีอยู่แล้ว อาจจะลองพิจารณาขายหุ้นในราคาพาร์ให้ลูกน่าจะปลอดภัยกว่า สำหรับการให้หรือขายหุ้นสามัญ ควรทำหนังสือสัญญาโอนหุ้นเป็นหลักฐานให้เรียบร้อยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีข้อโต้แย้งภายหลัง

ส่วนอื่น ๆ คือ 1.3 ผู้โอน/ผู้ขายขาดทุน เนื่องจากผลประโยชน์ที่ผู้โอน/ผู้ขายได้รับไม่เกินกว่าที่ลงทุน ผู้โอน/ผู้ขายและผู้รับโอน/ผู้ซื้อไม่มีภาระภาษี และเมื่อผู้รับโอน/ผู้ซื้อนำหุ้นไปขายนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและมีกำไรเกิดขึ้น ผู้รับโอน/ผู้ซื้อก็จะต้องนำกำไรดังกล่าวไปเสียภาษีตามมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร

อย่างไรก็ดี หากผู้รับโอนนำหุ้นไปขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็จะได้รับยกเว้นภาษีตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

  1. กรณีนิติบุคคลเป็นผู้โอน/ผู้ขายหุ้น ให้พิจารณาตามเกณฑ์สิทธิ (มาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร)

2.1 ผู้โอน/ผู้ขายมีกำไร ผู้โอน/ผู้ขายจะต้องนำกำไรที่ได้รับเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัฎากร ส่วนผู้รับโอน/ผู้ซื้อไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

2.2 ผู้โอน/ผู้ขายโอนหุ้นโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่าราคาตลาด ผู้โอน/ผู้ขายอาจถูกกรมสรรพากรประเมินภาษี หากไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนผู้ซื้อไม่มีภาระภาษี

2.3 ผู้โอน/ผู้ขายขาดทุน ผู้โอน/ผู้ขายและผู้รับโอน/ผู้ซื้อไม่มีภาระภาษี

  1. กรณีการโอนหุ้นในธุรกรรมอื่น

3.1 การโอนหุ้นตามธุรกรรมให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และธุรกรรมการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาซื้อคืน (Repo) ผู้โอนและผู้รับโอนได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 331) พ.ศ. 2541 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 364) พ.ศ. 2542 ตามลำดับ

3.2 การโอนหุ้นในธุรกรรมอื่นที่ได้รับการยกเว้นภาษีประเภทต่าง ๆ เช่น การโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันของผู้ประกอบการซึ่งเป็นบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัด โดยโอนหุ้นเพื่อแลกกับหุ้นในบริษัทใหม่ที่ได้ควบเข้ากัน หรือบริษัทผู้รับโอนกิจการทั้งหมด ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังต่อไปนี้

(1) ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากการที่บริษัทควบเข้ากัน หรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน โดยโอนหุ้นเพื่อแลกกับหุ้นในบริษัทใหม่ที่ได้ควบเข้ากัน หรือบริษัทผู้รับโอนกิจการทั้งหมด ตามข้อ 2 (50) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 291 (พ.ศ. 2555) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

(2) ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท สำหรับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการที่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นบริษัทควบเข้ากัน หรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน โดยโอนหุ้นเพื่อแลกกับหุ้นในบริษัทใหม่ที่ได้ควบเข้ากัน หรือบริษัทผู้รับโอนกิจการทั้งหมด


ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุนและการโอนหุ้นที่ได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันกับการควบเข้ากัน หรือการโอนกิจการทั้งหมด ตามมาตรา 5 สัตตรส แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 542) พ.ศ. 2555