ธปท. แจงรายละเอียดมาตรการกำหนดวงเงินเกิน 5 หมื่นบาทต่อรายการ ต้อง “สแกนหน้า” ยืนยันตัวก่อนโอนเงิน กางสถิติพบผลกระทบคนโอนมีเพียง 1%
วันที่ 11 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกชุดมาตรการจัดการภัยทางการเงิน ซึ่งครอบคลุม 3 ด้าน คือ 1.มาตรการป้องกัน 2.มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชีและธุรกรรมต้องสงสัย และ 3.มาตรการตอบสนองและรับมือ
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี หนึ่งในมาตรการที่หลายคนให้ความสนใจและสงสัย คือ การกำหนดวงเงินการโอนเกิน 50,000 บาทต่อรายการ หรือ การโอนเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน รวมถึงการปรับเพิ่มวงเงินการทำธุรกรรมเกิน 50,000 บาทขึ้นไป ลูกค้าจะต้องมีการ Verify ตัวตนผ่านการเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า หรือ Biometrics ผ่านการสแกนใบหน้า (Face Recognition)
ซึ่งสาเหตุของการกำหนดวงเงินที่ระดับ 50,000 บาทนั้น นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อธิบายว่า
การกำหนดวงเงินการโอนที่เกิน 5 หมื่นบาท จะต้องยืนยันตัวตนผ่านการใช้ biometric ถือเป็นมาตรการขั้นต่ำที่จะให้สถาบันการเงินปฏิบัติตาม แต่หากสถาบันการเงินแห่งไหนอยากจะเข้มงวดก็สามารถเพิ่มกรอบวงเงินได้ หรือปรับตามฐานข้อมูลและกลุ่มลูกค้าของตัวเองได้
ทั้งนี้ มองว่าวงเงินเกิน 50,000 บาท ถือเป็นวงเงินที่สมดุลระหว่างความเสี่ยงและความสะดวกของลูกค้าในการใช้บริการโมบายแบงกิ้ง เพราะหากมีการกำหนดวงเงินต่ำกว่า 50,000 บาท จะทำให้ลูกค้าต้องมีการยืนยันตัวตนบ่อยและถี่ขึ้น อาจจะไม่สะดวกกับลูกค้ามากนัก
ขณะเดียวกัน ธปท.และสถาบันการเงิน ได้มีการศึกษาและพิจารณาถึงผลกระทบ หากมีการกำหนดวงเงินไว้เกิน 50,000 บาทต่อรายการ จะต้องมียืนยันตัวตนนั้น พบว่า ธุรกรรมที่มีการโอนเงินต่อครั้งเกิน 50,000 บาททั้งระบบ มีสัดส่วนคิดเป็นเพียง 1% ของธุรกรรมทั้งหมด หรือประมาณ 48 ล้านรายการ ถือว่าผลกระทบค่อนข้างน้อย ทำให้ธปท.-สถาบันการเงินกำหนดวงเงินอยู่ที่ 50,000 บาท ประกอบกับ
“เรื่องนี้เราเฮียริ่ง ทำ Survey และไล่ดูสถิติ จะเห็นว่าคนร้ายมีทั้งการโอนถี่ๆ ก็มี และโอนก้อนใหญ่ๆ ก็มี มีหลายแบบ แต่พยายามดูให้บาลานซ์ที่สุด เพราะถ้าต่ำกว่า 5 หมื่นบาทก็ไม่ได้ เพราะวันๆ ลูกค้าไม่ต้องทำอะไรแล้ว ส่วน 1% เป็นตัวเลขที่เราดูว่าจะเป็นผลกระทบ และหลังจากการปรับวงเงิน-โอนเงินต้องทำ biometric ในระยะต่อไปจะขยายไปสู่การเบิกถอนเงิน”