เปิดวิธี “สแกนใบหน้า” โอนเงินเกิน 5 หมื่นบาทต้องทำอะไรบ้าง

โหลดแอปพลิเคชั่น

เปิดขั้นตอน “ยืนยันตัวตน” เพื่อเตรียมความพร้อม ทำธุรกรรมโอนเงินเกิน 5 หมื่นบาทต้อง “สแกนใบหน้า” หลังธปท.ยกระดับสกัดภัยไซเบอร์ มีผลบังคับใช้ มิ.ย.นี้

วันที่ 11 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดภายในเดือนมิถุนายน 2566 ลูกค้าที่ทำธุรกรรมโอนเงินผ่าน Mobile Banking วงเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ และวงเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน รวมถึงการปรับเพิ่มวงเงินการทำธุรกรรมเกิน 50,000 บาทต่อครั้ง จะต้องมีการยืนยันตัวตน หรือ Biometric Comparison บน Mobile Banking เมื่อเข้าเงื่อนไขที่กำหนด โดยผ่านการสแกนใบหน้า หรือ Face Recognition

สำหรับขั้นตอนการยืนยันตัวตน เบื้องต้น ลูกค้าที่มีการเปิดบัญชีธนาคาร แต่ยังไม่ได้มีการเก็บข้อมูลที่ระบุตัวตนไว้ จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาธนาคารที่เปิดบัญชี หรือการเปิดบัญชีใหม่ เพื่อเก็บข้อมูลตัวตนจาก Physical ไปอยู่บนโลก Digital โดยพนักงานสาขาจะมีการขอเก็บข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันว่าใช่ตัวจริงหรือไม่ ซึ่งเอกสารที่ลูกค้าต้องเตรียม คือ บัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารอื่นๆ เพื่อแสดงตัว

และภายหลังจากธนาคารมีการตรวจสอบข้อมูล และยืนยันว่าเป็นตัวจริงแล้ว ธนาคารจะมีการขอบันทึกใบหน้าลูกค้า อาจจะเป็นการถ่ายหน้า หันซ้ายหันขวา หรือกระพริบตา เพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่ภาพถ่าย และเมื่อบันทึกใบหน้าแล้วเสร็จ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้บนโลก Digital เพื่อให้สามารถธุรกรรมช่องทางดิจิทัลและออนไลน์ได้

ดังนั้น ภายหลังจากมีการยืนยันตัวตนสำเร็จ การทำธุรกรรมโอนเงินกรณีเกินวงเงินกำหนด 50,000 บาทต่อรายการ หรือเกิน 200,000 บาทต่อวัน ระบบของโมบายแบงกิ้งจะขึ้นให้ลูกค้าสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งจากเดิมจะเป็นการกด PIN และ Confirm การทำธุรกรรม แต่ต่อไปลูกค้าจะต้องมีการยกโทรศัพท์ส่องเพื่อสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันว่าเจ้าของบัญชีตัวจริง