กรุงศรีฯ คาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 33.65-34.35 บาท จับตาเพดานหนี้สหรัฐ

ค่าเงินบาทวันนี้ (7 เม.ย.)
ภาพจาก PIXABAY

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินการซื้อขายเงินบาทในกรอบ 33.65-34.35 บาทต่อดอลลาร์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าเทียบทุกสกุลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 5.00-5.25% ติดต่อกัน 10 ครั้ง พร้อมส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ย แต่ยังไม่ลดดอกเบี้ยจากเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง จับตาปรับเพดานหนี้สาธารณะวันที่ 1 มิ.ย.นี้

วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.65-34.35 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.02 บาทต่อดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.99-34.25 บาทต่อดอลลาร์

โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินหลักในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 50 และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 10 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 65 อนึ่ง ดอลลาร์เผชิญแรงขายขณะที่เฟดส่งสัญญาณยุติการขึ้นดอกเบี้ยด้วยการยกเลิกข้อความที่เคยระบุในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า “คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าการคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมอาจมีความเหมาะสม”

อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดกล่าวว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง เฟดจึงมองว่าการปรับลดดอกเบี้ยยังไม่เหมาะสมในเวลานี้ ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 3.25% และยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อต่อไป ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 409 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 18,857 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า ตลาดจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) วันที่ 11 พ.ค. ซึ่งมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่ระดับ 4.50%

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประชุมกับผู้นำสภาคองเกรสในวันที่ 9 พ.ค. ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า กระทรวงการคลังอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ของรัฐบาลกลางได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลซึ่งอาจจะผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และตลาดการเงินทั่วโลก

ทั้งนี้ แม้ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐออกมาสดใสเกินคาด แต่เราเชื่อว่าวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้สิ้นสุดลงแล้วท่ามกลางสถานการณ์ธนาคารภูมิภาคของสหรัฐที่สั่นคลอน โดยหากความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐชัดเจนมากขึ้น เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ ในภาวะเช่นนี้ เรามองว่าเงินดอลลาร์อาจย่ำฐานในกรอบที่อ่อนค่าลง

สำหรับปัจจัยในประเทศ เงินเฟ้อเดือน เม.ย.ของไทยต่ำกว่าคาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เพิ่มขึ้น 2.67% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เพิ่มขึ้น 1.66% ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ค.จะต่ำกว่า 2% จากฐานที่สูงในปีก่อน อย่างไรก็ดี โทนการสื่อสารจาก ธปท.บ่งชี้ว่าต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่ง หากสถานการณ์ยังเอื้อให้ทำเช่นนั้น