กรุงศรีฯ คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 34.85-35.55 บาท/ดอลลาร์

เงินเฟ้อ การใช้จ่าย เงินบาท ค่าครองชีพ คุณภาพชีวิต

กรุงศรีฯคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.85-35.55 บาทต่อดอลลาร์ ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐ-โหวตนายกรัฐมนตรี

วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 รายงานจากกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า กรุงศรีฯ มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (10-14 ก.ค.) ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85-35.55 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา (3-7 ก.ค.) เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 35.17 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.84-35.31 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงแรกสอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง ขณะที่รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าผู้ดำเนินนโยบายมีความเห็นร่วมกันที่จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 มิ.ย. เพื่อประเมินว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกจำเป็นหรือไม่ โดยกรรมการบางรายต้องการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. เนื่องจากเงินเฟ้อลดลงช้า

อนึ่ง กรรมการส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นของแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ โดยเห็นว่าข้อมูลเพิ่มเติมจะมีความสำคัญสำหรับการพิจารณานโยบายที่เหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไรท้ายสัปดาห์ขณะที่ตลาดพันธบัตรผันผวนหลังสหรัฐรายงานตำแหน่งการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดรวมถึงมีการทบทวนตัวเลขเดือน เม.ย. และ พ.ค.ลดลงรวม 1.1 แสนตำแหน่งเมื่อเทียบกับที่เคยประกาศก่อนหน้านี้

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 8,010 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตร 10,046 ล้านบาท

Advertisment

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีฯ ระบุว่า นักลงทุนจะติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ โดยตลาดมองว่ามีโอกาสราว 92% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ แต่ตลาดไม่แน่ใจว่าจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฎจักรหรือไม่ ทางด้านข้อมูลค่าจ้างในญี่ปุ่นบ่งชี้ว่าการก่อตัวของเงินเฟ้อกำลังชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่งอาจเข้าเงื่อนไขที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะตัดสินใจปรับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนในการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค. ภาวะเช่นนี้อาจแนวโน้มหนุนค่าเงินเยนในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า

สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.23% YOY ซึ่งน้อยสุดในรอบ 22 เดือน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.32% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 3 และ 4 จะอยู่ที่ 0.77% และ 0.62% ตามลำดับ ทั้งนี้ จากท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กรุงศรีฯมองว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งสู่ระดับ 2.25% ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอาจส่งผลกระทบต่อ Sentiment การลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินบาทในระยะนี้