ส่อง 6 หุ้นเทรดวันแรกต่ำจอง จับตาครึ่งปีหลัง บจ.ส่อชะลอขายไอพีโอ

หุ้นเทรดวันแรกต่ำจอง

ส่องหุ้นไอพีโอครึ่งปีแรกเทรดวันแรกต่ำจอง 6 บจ. ฟาดนักลงทุนรายย่อยกระอัก “TPL” ร่วงหนักสุดลดลง 32.73% “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” จับตาหลายบริษัท “ผิดแผน” ส่อเลื่อนเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะหุ้นอิงเศรษฐกิจโลก เหตุกำไรไม่หวือหวาตามโลกที่ชะลอตัว ด้าน “ดร.นิเวศน์” ลั่นไม่ลงทุนหุ้นไอพีโอ เหตุแพงเกินไป-ผิดอุดมการณ์ VI

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลเกี่ยวหุ้นที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในปี 2566 ตามรายงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จนถึงวันที่ 6 ก.ค. 2566 พบว่า มีหุ้นไอพีโอเข้าระดมทุนแล้วทั้งสิ้น 19 บริษัท แบ่งเป็น ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ SET จำนวน 7 บริษัท และในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 12 บริษัท

โดยหุ้นที่มีราคาซื้อขายวันแรก ตอนปิดตลาดต่ำกว่าราคาจองซื้อไอพีโอ อยู่ด้วยกัน 6 บริษัท ได้แก่ 1.บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) ลดลง 31.43% จากราคาไอพีโอ 10.50 บาท เหลือ 7.20 บาท 2.บมจ.จีเอเบิล (GABLE) ลดลง 6.10% จากราคาไอพีโอ 6.39 บาท เหลือ 6 บาท

3.บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช (PQS) ลดลง 4.17% จากราคาไอพีโอ 6 บาท เหลือ 5.75 บาท 4.บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) ลดลง 32.73% จากราคาไอพีโอ 3.30 บาท เหลือ 2.22 บาท 5.บมจ.พีลาทัส มารีน (PLT) ลดลง 18.71% จากราคาไอพีโอ 1.55 บาท เหลือ 1.26 บาท และล่าสุด 6.บมจ.แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) ลดลง 22.38% จากราคาไอพีโอ 21 บาท เหลือ 16.30 บาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มการระดมทุนขายหุ้นไอพีโอในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท

Advertisment

ถ้าแนวโน้มธุรกิจยังเติบโตดีมองว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไร น่าจะเป็นไปตามแผน แต่กลุ่มที่มีแนวโน้มจะพิจารณาเลื่อนแผนการระดมทุนออกไป ในกรณีที่เซนติเมนต์ หรือ outlook ไม่เอื้อ คือ อุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโลก หรือกลุ่ม global play เพราะมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังจะชะลอตัว

“ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอ ทำให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ อาจจะดูมีกำไรไม่หวือหวา ฉะนั้นถ้าเข้ามาจดทะเบียน ตลาดก็อาจจะไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก”

ส่วนกลไกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ออกมาเตือนนักลงทุนรายย่อยค่อนข้างไวจากกรณีหุ้น TPL เนื่องจากเห็นการซื้อขายกระจุกตัวในนักลงทุนบางกลุ่มนั้น ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีมากในแง่การคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย

อย่างไรก็ตาม หุ้นไอพีโอที่เข้ามาซื้อขายวันแรกหรือช่วงแรกนั้น จะค่อนข้างมีดีมานด์และซัพพลายที่สูง บดบังปัจจัยพื้นฐานไปบ้าง ฉะนั้นนักลงทุนต้องระมัดระวังในการลงทุน และพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและราคาเป้าหมายที่ตลาดทำกันไว้ให้ดี รวมถึงประเมินราคาตรงนั้นว่าแพงเกินไปแล้วหรือไม่ด้วย

Advertisment

ตาราง หุ้นเทรดวันแรกต่ำจอง

“หุ้นไอพีโอที่ต่ำจองไปแล้ว 6 บริษัทนั้น มาจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะราคาไอพีโอที่ตั้งไว้สูงเกินไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของตัวบริษัท และเข้ามาแล้วมีกำไรผิดคาดไปมาก”

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง นายวีระวัฒน์กล่าวว่า ประเมินว่าหากการเมืองได้ข้อสรุป คือ มีการจัดตั้งรัฐบาลและได้ตัวนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย SET Index น่าฟื้นกลับตอบรับเชิงบวกในระยะสั้น แต่จะบวกแรงแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับนโยบายต่าง ๆ ที่จะออกมาหลังจากนี้

โดยให้กรอบเคลื่อนไหว SET Index แกว่งอยู่บริเวณแนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้านหลัก 1,520 จุด ถ้าผ่านได้เชื่อว่าโมเมนตัมตลาดหุ้นไทยจะดูดีขึ้น แต่ถ้าจะให้ดีมาก ๆ ต้องทะลุ 1,570 จุด

“ส่วนแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ ตอนเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เราได้ปรับลดกำไรต่อหุ้น (EPS) ลงมาอยู่ที่ 95 บาทต่อหุ้น จากระดับ 101 บาทต่อหุ้น และปรับเป้า SET Index จากระดับ 1,700 จุด ลงมาเหลือ 1,620 จุด ให้สอดคล้องกับการดาวน์เกรดประมาณการกำไร ทั้งนี้ กำลังรอพิจารณางบฯ การเงินไตรมาส 2/2566 ที่จะออกมาในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดมาก ก็อาจจะเป็นเหตุให้ต้องมีการทบทวนประมาณการกำไรอีกครั้ง”

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เดิมทีปีนี้ภาพรวมหุ้นไอพีโอ จะเป็นอีกปีหนึ่งที่จะมีบริษัทวางแผนเข้าจดทะเบียนค่อนข้างมาก แต่ผ่านมาแล้วครึ่งปี ถือว่ายังน้อย ผิดแผนไปมาก หลายบริษัทเลื่อนกำหนดการเดิมไปหมด สาเหตุจากเซนติเมนต์ของสภาพตลาดหุ้นที่แย่มาก ทำให้ไม่มีใครอยากนำหุ้นเข้าเทรดแล้วต่ำจอง หรือโดนกลุ่มสถาบันกดราคา

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลกระทบต่อการเสนอขายหุ้นไอพีโอต่อไปในระยะข้างหน้า คือ ข้อกำหนดการยื่นไฟลิ่งที่เปลี่ยนเกณฑ์ไปใช้งบฯ การเงินตามมาตรฐานบัญชี PAE 3 ปีย้อนหลัง ที่จะเริ่มบังคับใช้ต้นปี 2567

ซึ่งอาจทำให้หลายบริษัทดีเลย์เข้าตลาดหุ้น เพราะจัดเตรียมเรื่องงบฯ การเงินไม่ทัน โดยตามแผนงาน บล.ฟินันเซียไซรัส จะมีนำอีก 2 บริษัท เสนอขายหุ้นไอพีโอในครึ่งหลังของปีนี้

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนวีไอ กล่าวว่า ปกติแล้ว ตนเป็นคนไม่ลงทุนหุ้นไอพีโอ เพราะเป็นหุ้นที่มูลค่าแพงเกินไป ส่วนใหญ่แล้วคนที่เข้าไปซื้อเพราะอยากขายทำกำไรในวันแรก โดยเฉพาะหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่ราคาจะวิ่งขึ้นแรง

“หุ้นไอพีโอทุกตัวที่เข้าตลาด ในความเห็นของผมแพงกว่าพื้นฐานทั้งนั้น แม้ว่าหลายบริษัทจะทำกำไรได้กว่า 30-50% ในการเข้าเทรดวันแรกก็ตาม แต่ถ้าผมเข้าไปเล่น ผมเหมือนจะทรยศต่ออุดมการณ์ตัวเอง ที่เน้นลงทุนระยะยาว ซึ่งจริง ๆ เงินที่ได้มาจากไอพีโอ ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยน ดังนั้นมองแล้วไม่คุ้ม จึงไม่เข้าไปยุ่ง” ดร.นิเวศน์กล่าว