คลังชี้เทรนด์เงินบาท “แข็งค่า” ห้องค้า “กสิกรไทย” เตือนระยะสั้นผันผวน

เงินบาท‘แข็งค่า’

เทรนด์เงินบาทครึ่งปีหลัง “แข็งค่า” คลังปรับประมาณการปี’66 คาดทั้งปีเงินบาทแข็งค่าขึ้นกว่าปีก่อน 3% เฉลี่ยทั้งปี 34.01 บาทต่อดอลลาร์ จับตานโยบายเฟด-ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ หวั่นกระทบฟันด์โฟลว์ไหลออกจากภูมิภาค ฟาก “ห้องค้ากสิกรไทย” มองกรอบเงินบาทครึ่งปีหลัง 32.50-34.75 บาทต่อดอลลาร์ เผยเดือน ก.ค.เงินไหลเข้าตลาดบอนด์ไทย-มีแรงเก็งกำไรค่าเงิน ลุ้นปัจจัยการเมืองในประเทศชี้ชะตาฟันด์โฟลว์ช่วงที่เหลือของปี

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาท จากนี้ไปถึงสิ้นปี จะมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงวันที่ 25 ก.ค. ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 34.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 2.3% จากค่าเฉลี่ยปี 2565 ที่ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 35.07 บาทต่อดอลลาร์

โดย สศค. ได้ปรับประมาณการค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 34.01 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นการแข็งค่าขึ้นที่ 3% จากค่าเฉลี่ยของปี 2565 เนื่องจากปีนี้มีแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เพิ่มมากขึ้นจากปีที่แล้ว รวมทั้งการลดความเข้มงวดจากการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงด้วย

“เราปรับสมมุติฐานค่าเงินบาทรอบนี้ อ่อนค่าลงกว่าตอนที่ประมาณการเมื่อเดือน เม.ย. เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา เงินบาทเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น เรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด รวมทั้งการส่งออกของไทยที่ตัวเลขยังอยู่ในโซนชะลอตัวอยู่ ก็ทำให้เงินบาทในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอ่อนค่ากว่าที่คาด ทำให้แนวโน้มการแข็งค่า อาจจะช้ากว่าที่เคยประเมินไว้” นายวุฒิพงศ์กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะส่งผลต่อแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ นโยบายการเงินของเฟดที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ รวมทั้งความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน อาจจะทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น และจะเป็นแรงกดดันให้กระแสเงินทุน (ฟันด์โฟลว์) ไหลออกจากภูมิภาคเอเชียไปสู่ยุโรปและสหรัฐได้

Advertisment

ตาราง เงินบาทดอลลาร์

“ค่าเงินบาท ส่วนหนึ่งก็ได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยว ที่มีเงินจากต่างชาติเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปีเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวด้วย ในแง่ของเศรษฐกิจจีนที่น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้สม่ำเสมอมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก จะนำไปสู่การที่เงินทุนไหลเข้ามาในประเทศเกิดใหม่มากขึ้น รวมถึงไทย และจะหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้” ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สศค.กล่าว

นางสาวกฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้จะแข็งค่ามากขึ้น เนื่องจากมีแต่ปัจจัยบวก ทั้งแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวมากขึ้น การขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์หลังจากเฟดลดค่าที่ Hawkish ลงไปมาก ทั้งนี้ ห้องค้ากสิกรไทย ยังคงคาดการณ์เงินบาท ณ สิ้นปี 2566 ที่ 33.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์

“ในระยะสั้นค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวนสูง ช่วงครึ่งปีหลัง เรามองกรอบเงินบาทอยู่ระหว่าง 32.50-34.75 บาทต่อดอลลาร์” นางสาวกฤติกากล่าว

Advertisment

นางสาวกฤติกากล่าวด้วยว่า ส่วนแนวโน้มฟันด์โฟลว์ล่าสุด ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. 2566 จนถึงวันที่ 26 ก.ค. มีเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตร 17,457 ล้านบาท แต่ไหลออกจากตลาดหุ้น 14,190 ล้านบาท โดยรวมตลาดพันธบัตรได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ จากแรงเก็งกำไรค่าเงินบางส่วน ในขณะที่ตลาดหุ้นยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก จากสถานการณ์การเมืองของไทย

“แนวโน้มฟันด์โฟลว์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ น่าจะขึ้นกับสถานการณ์การเมืองในประเทศของไทย ตอนนี้ยังประเมินค่อนข้างลำบาก” นางสาวกฤติกากล่าว