กองทุนหุ้นเกาหลีเริ่มน่าสนใจ รับเทรนด์เซมิคอนดักเตอร์ฟื้น

กองทุนหุ้นเกาหลี

ตลาดหุ้นเกาหลี แม้ช่วงที่ผ่านมา อาจจะไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก แต่ตอนนี้กำลังเป็นที่น่าจับตา เพราะเศรษฐกิจเกาหลีใต้มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งคาดกันว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว และจะหนุนหุ้นเกาหลี ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นไปด้วยนั่นเอง

โดยข้อมูลจากบริษัท มอนิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ชี้ว่า ปัจจุบันมีกองทุนรวมที่ลงทุนในดัชนีหุ้นเกาหลีใต้ มีอยู่ 5 กองทุน โดยตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 2 ส.ค. 2566 (YTD) ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 11.30% ต่อปี และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 4.10%

กองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด คือ กองทุน SCBKEQTGE ผลตอบแทนอยู่ที่ 12.21% ตามด้วยกองทุน SCBKEQTGP ผลตอบแทน 11.60% และกองทุน SCBKEQTG ผลตอบแทน 11.55% ซึ่งทั้ง 3 กองทุน เป็นของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ และต่อมาอีก 2 กองทุน จาก บลจ.พรินซิเพิล ได้แก่ กองทุน PRINCIPAL KOS และกองทุน PRINCIPAL KEQ ให้ผลตอบแทน 11.99% และ 10.12% ตามลำดับ (ดูตาราง)

“วโรฤทธิ์ จีระชน” Executive Director กลุ่มวิเคราะห์การลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า รายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อเดือน เม.ย. 66 คาดการเติบโตทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้ 1.5% สำหรับปีนี้ ถือว่าชะลอตัวลงจาก 2.6% ในปีก่อนหน้า ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม IMF คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะโตแบบเร่งตัวขึ้นเป็น 2.4% ในปี 2567

ทั้งนี้ ความน่าสนใจของการลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ คือมีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยหากวัฏจักรเซมิคอนดักเตอร์ลงมาถึงจุดต่ำสุดและเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 3/66 ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ ก็จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ได้ในระยะยาว

“แต่ก็ยังคงต้องจับตาประเด็นภายนอกที่อาจส่งผลกระทบได้ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางเศรษฐกิจโลก หากชะลอตัวลงแรงหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย และหากเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วและรุนแรงจะกระทบเชิงลบต่อกระแสเงินทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงเกาหลีใต้ด้วย นอกจากนี้ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน โดยเฉพาะการแบนเรื่องเทคโนโลยี ก็อาจจะกระทบเกาหลีใต้ได้เช่นกัน”

ขณะที่ “เจษฎา สุขทิศ” CEO & Co-Founder บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนฟินโนมีนา จำกัด กล่าวว่า ภาพใหญ่ของเกาหลีใต้ในด้านเงินเฟ้อมีการชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.26% ใกล้กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ฉะนั้นภาพดอกเบี้ยตึงตัวที่จะกระทบตลาดหุ้นก็ลดน้อยลง ขณะที่ financial condition index ยังผ่อนคลาย ซึ่งเอื้อต่อการลงทุน รวมถึงเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ยังมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีด้วย

ตาราง กองทุนหุ้นเกาหลี

ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนของเกาหลีใต้ หากดูจากปีที่ผ่านมา รวมถึงทั้งปีนี้อาจจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่ปีหน้าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ 50-60% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มประมาณการ นอกจากนี้ เรื่องเซมิคอนดักเตอร์ที่จะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นในครึ่งปีหลังน่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอย่างมาก

“ดัชนีหุ้นเกาหลี (KOSPI) ปีนี้เทรดกันอยู่ที่ 11 เท่า แต่เมื่อกำไรสุทธิต่อหุ้น ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ปีหน้าคาดว่าหุ้นเกาหลีจะเทรดกันอยู่ที่เพียง 9 เท่า ซึ่งถูกกว่าหุ้นโลกและกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์มาก ดังนั้นโอกาสลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้ถือว่าน่าสนใจมาก”

ด้าน “ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.จิตตะ เวลธ์ กล่าวว่า Korea Development Institute คาดการณ์ GDP เกาหลีใต้ จะโต 1.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะกลับมาโต 2.3% ในปีหน้า โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่เร่งตัวขึ้น เป็นผลมาจากอุปสงค์ภายนอกที่ฟื้นตัว ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเกาหลีใต้คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ โดยหลักมาจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวลง คาดว่าจะอยู่ที่ 3.4% ในปีนี้และจะลดลงไปยังระดับ 2.4% ในปีหน้า

แม้เศรษฐกิจเกาหลีจะฟื้นตัวหลังโควิด แต่การขาดดุลการคลัง ซึ่งคิดเป็น 5.4% ของ GDP ยังคงน่าเป็นห่วงและอาจเพิ่มขึ้นในปี 2566 เนื่องจากรายได้ภาษีที่ลดลดเป็นผลมาจากเศรษฐกิจซบเซาเล็กน้อย แต่ส่วนอุปสงค์และการจ้างงานภายในประเทศยังเป็นที่น่าพอใจ จึงไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการทางการคลังแบบขยายตัว

ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์เกาหลีมีการเติบโตมากขึ้นในปีก่อน รัฐบาลเกาหลีใต้ได้กำหนดแผนเพื่อเร่งการเปลี่ยนให้ประชาชนหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า และให้ความสำคัญกับชิปยานยนต์มากขึ้น เนื่องจากความสำคัญที่เพิ่มขึ้นในอีวี และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ นำไปสู่การเติบโตของยอดขายชิปยานยนต์ทั่วโลกถึง 70% โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 129,800 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 ซึ่งการพัฒนานี้กำลังผลักดันการเติบโตอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และจะเป็นกุญแจสำคัญสู่อุตสาหกรรมอีวีของเกาหลีใต้

“หากเทียบผลตอบแทนตั้งแต่ปี 2563 ช่วงที่ดัชนี KOSPI ลงไปตํ่าสุดอยู่ที่ 1,566.15 จุด ปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ 2,598.30 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากกว่า 65% ตั้งแต่ช่วงโควิด แล้วถ้าเทียบผลตอบแทนกับประเทศในแทบเอเชียด้วยกัน ก็ถือว่าสามารถทำผลตอบแทนได้ดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.จิตตะ เวลธ์กล่าว