เปิดสถิติ ปี’66 ก.ล.ต.ใช้กฎหมายเชือดผู้กระทำผิดตลาดทุนไปแล้วกี่ราย

เปิดสถิติ ปี 2566 ก.ล.ต. ใช้กฎหมายเชือดผู้กระทำผิด ในตลาดทุนไปแล้วกี่ราย พบลงโทษทางแพ่ง 5 คดี 89 ล้าน เปรียบเทียบ-กล่าวโทษ 43 คดี 121 ราย

วันที่ 7 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เกี่ยวกับการกระทำผิดในตลาดทุนไทยในปี 2566 โดย ก.ล.ต.ได้เผยแพร่ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 31 พ.ค. 2566 พบว่า

ลงโทษทางแพ่ง 5 คดี เกือบ 100 ล้าน

1. ก.ล.ต.ได้มีการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งทั้งหมด 5 คดี รวมจำนวน 16 ราย คิดเป็นเงินค่าปรับทางแพ่ง 89,665,902 บาท ชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 1,343,948.96 บาท ชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 306,363.59 บาท แยกเป็น
– การบอกกล่าวข้อความเท็จ/การแพร่ข่าว ทั้งหมด 1 คดี รวมจำนวน 5 ราย ค่าปรับทางแพ่ง 5,000,000 บาท ชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 153,310 บาท
– การสร้างราคา ทั้งหมด 3 คดี รวมจำนวน 6 ราย ค่าปรับทางแพ่ง 83,000,000 บาท ชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 131,227 บาท ชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 48,638 บาท
– การใช้ข้อมูลภายใน/การเปิดเผยข้อมูลภายใน ทั้งหมด 1 คดี รวมจำนวน 2 ราย ค่าปรับทางแพ่ง 1,515,902.45 บาท ชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 1,212,721.96 บาท ชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 41,766 บาท
– ผู้กระทำความผิดฐานยินยอมให้ใช้บัญชีหลักทรัพย์/บัญชีเงินฝาก หรือใช้บัญชีหลักทรัพย์/บัญชีเงินฝาก เป็นคดีเดียวกันกับกรณีความผิดฐานการสร้างราคาหลักทรัพย์/การใช้ข้อมูลภายใน จำนวน 3 ราย ค่าปรับทางแพ่ง 150,000 บาท ชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 62,649 บาท
สถิติเปรียบเทียบ-กล่าวโทษ 43 คดี 121 ราย
2. ก.ล.ต.ได้มีการเปรียบเทียบปรับ ไปทั้งหมด 28 คดี รวมจำนวน 58 ราย และมีการกล่าวโทษทั้งหมด 15 คดี รวมจำนวน 63 ราย รวมความผิดทั้งหมด 43 คดี จำนวน 121 ราย แยกออกเป็นดังนี้
เปรียบเทียบปรับความผิดเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหลักทรัพย์
  • การเปิดเผยฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัท 17 คดี รวมจำนวน 37 ราย
  • รายงานการถือหลักทรัพย์ของกรรมการและผู้บริหาร 1 คดี รวมจำนวน 1 ราย
  • การออกเสนอขายหลักทรัพย์ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ 3 คดี รวมจำนวน 6 ราย
  • อื่น ๆ ที่้เกี่ยวกับการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ 4 คดี รวมจำนวน 8 ราย
เปรียบเทียบปรับความผิดเกี่ยวกับการเสนอขายโทเค็นดิจิทัล 
  • การไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์การประกอบธุรกิจ 3 คดี รวมจำนวน 6 ราย
การกล่าวโทษ
  • การสร้างราคา 2 คดี รวมจำนวน 32 ราย
  • การเปิดเผยฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัท 8 คดี รวมจำนวน 23 ราย
  • การออกเสนอขายหลักทรัพย์ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ 2 คดี รวมจำนวน 4 ราย
  • การไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์การประกอบธุรกิจ 2 คดี รวมจำนวน 2 ราย
  • การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต 1 คดี รวมจำนวน 2 ราย

ในทางกลับกันจากการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต. ผู้เสียหายก็ได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อ ก.ล.ต.กลับเช่ากัน โดยอ้างอิงข้อมูลที่เคยรายงานไปเมื่อ 2 ก.ค. 2566 “เปิด 10 เคส ก.ล.ต. ถูกฟ้องคดีปกครอง ทุนทรัพย์รวมเกือบ 400 ล้าน” ประกอบด้วย

1.กรณีถูกกล่าวหาว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ดำเนินการตามข้อร้องเรียนกรณีราคาของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนลดต่ำลงมาก จำนวนทุนทรัพย์ 0.48 ล้านบาท ซึ่งคดีดังกล่าวศาลปกครองกลางได้พิพากษายกฟ้องแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

2.กรณีถูกกล่าวหาว่าสำนักงานปฏิเสธไม่จ่ายเงินสินบนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีผู้ฟ้องคดีและพวกซึ่งร้องเรียนให้มีการสอบสวนและลงโทษผู้กระทำความผิดกรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ และผู้กระทำความผิดได้ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยชำระค่าปรับทางแพ่งแล้ว จำนวนทุนทรัพย์ 36.23 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

3.กรณีถูกกล่าวหาว่าละเลยไม่ดำเนินการตามข้อร้องเรียน กรณีราคาของใบสำคัญแสดงสิทธิเปลี่ยนแปลงจนทำให้เกิดความเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ 0.15 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

4.กรณีถูกกล่าวหาว่าสำนักงานมีคำสั่งแจ้งการมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

5.กรณีถูกกล่าวหาว่าคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองของคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวนทุนทรัพย์ 0.31 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

6.กรณีถูกกล่าวหาว่าคำสั่งของสำนักงานที่พักการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีประธานคณะกรรมการลงทุนบกพร่องต่อหน้าที่ในการควบคุมดูแลให้ผู้จัดการกองทุนจัดทำการวิเคราะห์และทบทวนคุณภาพตราสารที่กองทุนลงทุนให้เรียบร้อยครบถ้วน จำนวนทุนทรัพย์ 47.00 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

7.กรณีถูกกล่าวหาว่าคำสั่งของสำนักงานที่เกี่ยวข้องกับการนำมาตรการลงโทษปรับทางแพ่งมาใช้อันมีผลให้ผู้ฟ้องคดีมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ว่าด้วยการกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท จำนวนทุนทรัพย์ 150.26 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งกลั่นแกล้งโดยการผลักดันราคาของสัญญาซื้อขายทองคำวงหน้า และราคาดัชนี SET50 ที่คำนวณ และเผยแพร่โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ผู้ฟัองคดีลงทุน จนทำให้เกิดความเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 0.34 ล้านบาท ปัจจุบันอย่ระหว่างการพิจรณาของศาลปกครองกลาง

9.กรณีมีคำขอให้สำนักงานตรจรับงานตามสัญญาจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โครงการ Enterprise Information Management และชำระค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ย จำนวนทุนทรัพย์ 93.51 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

10.กรณีถูกกล่าวหาว่าโฆษณาการลงโทษโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ชำระค่าเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ 14.60 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง