เปิด 10 เคส ก.ล.ต. ถูกฟ้องคดีปกครอง ทุนทรัพย์รวมเกือบ 400 ล้าน

ก.ล.ต. ประกาศรับสมัครเลขาธิการคนใหม่

เปิด 10 เคส ที่ ก.ล.ต. พิจารณาโทษทางปกครอง จนถูกฟ้องเป็นคดี ทุนทรัพย์ถูกฟ้องรวมเกือบ 400 ล้านบาท

วันที่ 2 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งบฯแสดงฐานะการเงินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อปี 2565 ที่เลขาธิการ ก.ล.ต. อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2566 มีภาระผูกพันเกี่ยวกับรายจ่ายฝ่ายทุน จำนวน 107.56 ล้านบาท และรายจ่ายด้านบริการ จำนวน 160.22 ล้านบาท

และสำนักงาน ก.ล.ต. หรือคณะกรรรมการกำกับตลาดทุน หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการ พิจารณาโทษทางปกครอง ถูกฟ้องและเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่ถูกฟ้อง จำนวน 392.88 ล้านบาท ดังนี้

1.กรณีถูกกล่าวหาว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ดำเนินการตามข้อร้องเรียนกรณีราคาของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนลดต่ำลงมาก จำนวนทุนทรัพย์ 0.48 ล้านบาท ซึ่งคดีดังกล่าวศาลปกครองกลางได้พิพากษายกฟ้องแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

2.กรณีถูกกล่าวหาว่าสำนักงานปฏิเสธไม่จ่ายเงินสินบนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีผู้ฟ้องคดีและพวกซึ่งร้องเรียนให้มีการสอบสวนและลงโทษผู้กระทำความผิดกรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ และผู้กระทำความผิดได้ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยชำระค่าปรับทางแพ่งแล้ว จำนวนทุนทรัพย์ 36.23 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

3.กรณีถูกกล่าวหาว่าละเลยไม่ดำเนินการตามข้อร้องเรียน กรณีราคาของใบสำคัญแสดงสิทธิเปลี่ยนแปลงจนทำให้เกิดความเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ 0.15 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

4.กรณีถูกกล่าวหาว่าสำนักงานมีคำสั่งแจ้งการมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

5.กรณีถูกกล่าวหาว่าคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองของคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวนทุนทรัพย์ 0.31 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

6.กรณีถูกกล่าวหาว่าคำสั่งของสำนักงานที่พักการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีประธานคณะกรรมการลงทุนบกพร่องต่อหน้าที่ในการควบคุมดูแลให้ผู้จัดการกองทุนจัดทำการวิเคราะห์และทบทวนคุณภาพตราสารที่กองทุนลงทุนให้เรียบร้อยครบถ้วน จำนวนทุนทรัพย์ 47.00 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

7.กรณีถูกกล่าวหาว่าคำสั่งของสำนักงานที่เกี่ยวข้องกับการนำมาตรการลงโทษปรับทางแพ่งมาใช้อันมีผลให้ผู้ฟ้องคดีมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ว่าด้วยการกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท จำนวนทุนทรัพย์ 150.26 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

8.กรณีถูกกล่าวหาว่าสำนักงานละเลยไม่ดำเนินการตามข้อร้องเรียน ซึ่งผู้ฟ้องคดีอ้างว่าถูกบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งกลั่นแกล้งโดยการผลักดันราคาของสัญญาซื้อขายทองคำวงหน้า และราคาดัชนี SET50 ที่คำนวณ และเผยแพร่โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ผู้ฟัองคดีลงทุน จนทำให้เกิดความเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 0.34 ล้านบาท ปัจจุบันอย่ระหว่างการพิจรณาของศาลปกครองกลาง

9.กรณีมีคำขอให้สำนักงานตรจรับงานตามสัญญาจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โครงการ Enterprise Information Management และชำระค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ย จำนวนทุนทรัพย์ 93.51 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

10.กรณีถูกกล่าวหาว่าโฆษณาการลงโทษโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ชำระค่าเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ 14.60 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

อย่างไรก็ดี สำนักงาน หรือคณะกรรมการกำกับตลาดทุน หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยพิจารณข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ และกระทำการใด ๆ ภายในกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และได้ดำเนินการเป็นไปตามกรอบการพิจารณาที่กำหนดขึ้นและใช้บังคับกับทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้กระทำการใดไม่ชอบด้วยกฎหมาย

รวมทั้งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาอย่างคร่งครัดและพิจารณดำเนินการใช้สิทธิตามสัญญาและตามกฎหมายอย่างรอบคอบ ไม่ได้กระทำการใดที่อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่คู่สัญญา จึงเชื่อมั่นว่าความน่าจะเป็นในการแพ้คดีและการชดใช้ค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นของคดีดังกล่าวอยู่ในระดับที่เป็นไปได้น้อย สำนักงาน ก.ล.ต. จึงไม่ได้รับรู้ประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในงบรายได้ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จ