BTS ชี้แจงข้อเท็จจริง ปมข่าว ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดประเด็นสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว

สายสีเขียว

บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ชี้แจงข้อเท็จจริง หลังเกิดกระแสข่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีสัญญาจ้างให้บริการเดินรถ-ซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ทางบีทีเอสมั่นใจสัญญาจ้างได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ

วันที่ 14 กันยายน 2566 ตามที่บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงข่าวกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทำสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตั้งแต่ปี 2555 (“สัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย”) ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึง

ต่อมาปรากฏรายงานข่าวจากสื่อมวลชนในช่วงวันที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวกรวม 12 คน ซึ่งรวมถึงบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (“BTSC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท นายคีรี กาญจนพาสน์ และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ในฐานะกรรมการของ BTSC (รวมเรียกว่า “BTSC และผู้บริหาร”) เกี่ยวกับกรณีการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนั้น ในการนี้ บริษัทขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่า บริษัทยังไม่ได้รับการยืนยันในเรื่องการชี้มูลความผิดดังกล่าวจากกณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี บริษัทขอชี้แจงข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ดังนี้

1.ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ BTSC และผู้บริหารว่าเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ BTSC และผู้บริหารได้มีหนังสือสอบถามเพื่อขอความชัดเจนของพฤติการณ์ในการกระทำความผิดกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลายครั้ง เพื่อให้ BTSC และผู้บริหารได้ชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมตามที่ร้องขอ

นอกจากนี้ BTSC และผู้บริหารพบว่า มีข้อเท็จจริงและหลักฐานหลายประการที่ยังไม่ปรากฏในสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนั้น ในวันที่ 4 กันยายน 2566 ผู้บริหารของ BTSC จึงได้มีหนังสือขอนัดหมายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันที่ 15 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. เพื่อขอรับทราบพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยวาจาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ทั้งนี้ หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดแล้วจริง กรณีดังกล่าวจะเป็นการชี้มูลความผิดก่อนที่ BTSC และผู้บริหารจะได้เข้าชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่า หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับทราบข้อเท็จจริงและเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกต้องครบถ้วนจาก BTSC และผู้บริหารแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะทราบว่า BTSC และผู้บริหารไม่ได้กระทำการใด ๆ ที่เป็นความผิดตามที่กล่าวหา

2.ในทางกฎหมาย หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดตามที่เป็นข่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องจัดส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีมติ และอัยการสูงสุดจะต้องพิจารณาสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 180 วันนับแต่วันที่ได้รับสำนวน (เว้นแต่มีการขยายระยะเวลา) เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของสำนวนการไต่สวนและพิจารณาว่าจะดำเนินคดีต่อ BTSC และผู้บริหารตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่ อีกขั้นหนึ่ง

3.การมีมติชี้มูลความผิดเป็นกระบวนการทางอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งไม่กระทบต่อสัญญาสัมปทานและสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และสัญญาดังกล่าวยังคงมีผลผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายทุกประการ อีกทั้งคู่สัญญาภาครัฐยังคงถือเอาประโยชน์ตามสัญญาดังกล่าว โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว