เปิดข้อมูล “นักลงทุนต่างประเทศ” 10 สัญชาติ ถือหุ้นไทย 5.6 ล้านล้าน

หุ้นไทยแกว่งตัว 1,590-1,610 จุด
ภาพจาก AFP

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดข้อมูลนักลงทุนต่างประเทศ 10 สัญชาติ ถือครองหุ้นไทยกว่า 5.6 ล้านล้านบาท

วันที่ 7 ตุลาคม 2566 นางสาวสุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 795 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) รวมกว่า 19.26 ล้านล้านบาท หรือ 99.4% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด พบว่า

นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่ารวมกว่า 5.87 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 14.95% จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น 30.50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ที่สำคัญจาก 1.การปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในบางหมวดธุรกิจ และ 2.การถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (New Listing Companies) จำนวน 45 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 69,528 ล้านบาท

และอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มธุรกิจการเงิน มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 4.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 69.4% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างชาติ

โดยกลุ่มเทคโนโลยี ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นด้วยมูลค่าสูงสุดที่ระดับ 1,930,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 775,102 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 67.07% จากปีก่อน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าการซื้อครองหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจาก

ADVERTISMENT

1.ราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ 2.การถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นในบริษัทจดทะเบียนในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดเทคโนโลยีและการสื่อสารที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้

รองลงมาเป็นกลุ่มบริการ ปรับขึ้นมาจากอันดับ 4 ในปีก่อน โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1,086,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 194,638 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.82% จากปีก่อน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าการซื้อครองหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจาก

ADVERTISMENT

1.การได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างประเทศและถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดการแพทย์ และ 2.การปรับย้ายหมวดธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ย้ายมาอยู่ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ภายใต้กลุ่มบริการ

ถัดมาเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน ที่ลดลงจากอันดับ 2 ในปีก่อน โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1,057,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51,237 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.09% จากปีก่อน สวนทางกับการเปลี่ยนแปลงดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลดลง 0.97% จากปีก่อน

ทั้งนี้เนื่องจาก 1.การเข้าจดทะเบียนของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในหมวดประกันภัยและประกันชีวิต และ 2.การถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในหมวดธนาคารบางแห่งที่เพิ่มขึ้น โดยบางธนาคารเป็นผลจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่บางธนาคารมีการถือครองด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่กลุ่มทรัพยากร ลดลงจากอันดับ 3 ในปีก่อน โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 861,642 ล้านบาท ลดลง 91,779 ล้านบาท หรือลดลง 9.63% จากปีก่อน ใกล้เคียงดัชนีของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง 8.94% จากปีก่อน

ส่วนหมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติ มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) 1,384,202 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) 861,642 ล้านบาท และหมวดธนาคาร (BANK) 828,880 ล้านบาท

โดย 3 หมวดธุรกิจนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.07 ล้านล้านบาท หรือ 52.34% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างชาติ

และพบสัดส่วน 75.2% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ เป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของดัชนี MSCI Thailand Index เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 72.3%

และนักลงทุนต่างชาติที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า 9 ใน 10 สัญชาติ เป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อน แต่มีสลับอันดับ โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักร มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ มอริเชียส ไต้หวัน และฝรั่งเศส ตามอันดับ ขณะที่บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ อันดับลดลงไปอยู่ที่อันดับที่ 11 จากอันดับ 10 ในปีผ่านมา โดย 10 ประเทศนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 5.64 ล้านล้านบาท สัดส่วน 96% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างชาติ

  • นักลงทุนจากสหราชอาณาจักร ยังคงมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดในตลาดหุ้นไทย โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่กระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ (อาทิ MSCI Thailand Index เป็นต้น)
  • อันดับที่ 2 ยังคงเป็นนักลงทุนจากสิงคโปร์ ที่มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทั้งในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  • ขณะที่อันดับ 3 ในปีนี้ คือ นักลงทุนจากฮ่องกง มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่กระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ แซงหน้านักลงทุนจากสวิสเซอร์แลนด์ ที่ปีนี้อยู่ที่อันดับ 4 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของกระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงาน
  • อันดับที่ 5 และอันดับที่ 6 ยังคงเป็นสัญชาติและอันดับเดิม ได้แก่ นักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ตามอันดับ
  • อันดับที่ 7 และอันดับที่ 8 ยังคงเป็นนักลงทุนจากเนเธอร์แลนด์และมอริเชียส โดยปีนี้เนเธอร์แลนด์ขยับแซงหน้ามอริเชียสมาอยู่ที่อันดับ 7 ส่วนมอริเชียสลดลงไปอยู่มี่อันดับ 8
  • ส่วนอันดับ 9 คือ นักลงทุนจากไต้หวัน ขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 11 ในปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • อันดับที่ 10 คือ นักลงทุนจากฝรั่งเศส ที่ลดลงมาจากอันดับ 9 ในปีที่ผ่านมา และนักลงทุนจากบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ ที่อยู่ในอันดับ 10 ในปีที่ผ่านมา ที่ขยับลดลงไปอยู่ที่อันดับ 11 ในปีนี้