หุ้น-การเงิน

เสี่ยป๋อง เซียนหุ้นดัง แจ้งเตือน “ตัวปลอม” หลอกลงทุนระบาด ย้ำปีนี้ยังเทรดขาดทุน

เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่ง เซียนหุ้นชื่อดัง แจ้งเตือน “มีคนปลอมเป็นผม” หลอกลงทุนระบาด ย้ำปีนี้ยังเทรดขาดทุน อ้างชื่อผมไปหลอกคิดผิด เพราะจะดูไม่น่าเชื่อถือ

วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง เซียนหุ้นชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Watchara Kaewsawang” ระบุข้อความว่า แจ้งเตือนมีคนปลอมเป็นผม ไปหลอกให้ลงทุนอีกแล้วนะครับ รอบนี้มาชุดใหญ่เลย ต้องขอรบกวนทุกท่านช่วยกันกด report ตัวปลอมให้ด้วยนะครับ

 

 

ขอบคุณมากครับ ขอร้องคุณตัวปลอมด้วยนะครับ ปีนี้ผมเองก็เทรดขาดทุน ผมก็ลงข้อความบอกทุกคนหมดแล้วด้วย การที่มาอ้างชื่อผมไปหลอกให้ลงทุน คุณคิดผิดละครับ คุณจะดูไม่น่าเชื่อถือนะครับ

ADVERTISMENT

ทั้งนี้สำหรับพอร์ตหุ้นเสี่ยป๋อง ประชาชาติธุรกิจเคยรายงานไว้เมื่อ 4 พ.ค. 2566 พบว่า เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ทั้งหมด 5 บริษัท มีมูลค่าเงินในพอร์ตรวมกว่า 306,665,500 บาท ประกอบด้วย

1.บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ที่ประกอบธุรกิจดาวเทียม ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ ธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ และธุรกิจร่วมทุนอื่น โดยถือหุ้นอยู่จำนวน 10 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.91% มีมูลค่ากว่า 127,000,000 บาท (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่ราคา 12.70 บาท)

2.บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC ธุรกิจโฮลดิ้งคอมปะนีที่ประกอบธุรกิจอย่างครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยถือหุ้นอยู่จำนวน 12.05 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.08% มีมูลค่ากว่า 109,052,500 บาท (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่ราคา 9.05 บาท)

3.บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้จัดหาและการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย ถือหุ้นอยู่จำนวน 4.3 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.69% มีมูลค่ากว่า 26,445,000 บาท (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่ราคา 6.15 บาท)

4.บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS บริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายตราสารทุนและตราสารหนี้ ถือหุ้นอยู่จำนวน 6.8 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.17% มีมูลค่ากว่า 22,168,000 บาท (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่ราคา 3.26 บาท)

5.บริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ผู้ผลิตรายการทีวีดิจิทัล และให้บริการข่าวสารโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลและสื่อรูปแบบใหม่ โดยเป็นการ spin-off มาจาก NMG ถือหุ้นอยู่จำนวน 22 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.96% มีมูลค่ากว่า 22,000,000 บาท (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่ราคา 1 บาท)

​