จุลพันธ์ แจงมาตรการภาษี “e-Refund” ออกแบบมาให้คนรายได้เกิน 7 หมื่นบาท ที่เข้าโครงการดิจิทัลวอลเลตไม่ได้ มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้หากใช้สิทธิลดหย่อนเต็ม 5 หมื่นบาท จะได้เงินคืน 1 หมื่นบาทเทียบเท่ากัน เร่งถกสรรพากรเคาะข้อสรุปกำหนดระยะเวลามาตรการ แย้มอาจให้ใช้สิทธิได้ในช่วง 1 หรือ 2 เดือน
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า มาตรการ “e-Refund” ที่ประชาชนจะได้รับภาษีคืนจากการจับจ่ายสินค้าและบริการ มูลค่ารวมไม่เกิน 50,000 บาทนั้น จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ซึ่งกำลังพิจารณากันว่าจะให้ใช้สิทธิได้นาน 1 หรือ 2 เดือน โดยจะประชุมหาข้อสรุปร่วมกับกรมสรรพากร
- เงินอุดหนุนนักเรียน 2567 ช่วยค่าชุด-หนังสือเรียน อนุบาล-ปวช. ได้เท่าไร
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 ลุ้นซื้อมือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า “จุลพันธ์” นัดถกสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ มาตรการนี้จะทำให้ประชาชนที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทได้ จะได้รับประโยชน์จากการได้เงินคืนสูงสุด 10,000 บาท เทียบเท่ากับดิจิทัลวอลเลต
“ดิจิทัลวอลเลต เราตัดคนที่มีรายได้อยู่ด้านบนสุด หรือราว 20% ของตะกร้ารายได้ตามข้อมูลผู้เสียภาษี หรือรายได้เกิน 70,000 บาทออกไป แต่หากเขาใช้สิทธิตาม e-Refund เต็มเพดาน 50,000 บาท ก็จะได้รับเงินคืน 10,000 บาท เทียบเท่ากับดิจิทัลวอลเลต เป็นการช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจทุกระดับ แต่ก็ต้องบอกว่า e-Refund สามารถใช้ได้ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่ไม่ได้สิทธิดิจิทัลวอลเลต” นายจุลพันธ์กล่าว
อย่างไรก็ดี การประชุมร่วมกับกรมสรรพากร จะต้องหาข้อสรุปด้วยว่า สินค้าและบริการประเภทใดบ้างที่จะใช้สิทธิคืนภาษีตามมาตรการ e-Refund ได้ หรือใช้สิทธิไม่ได้
“การซื้อสินค้าและบริการที่จะได้สิทธิ e-Refund ต้องใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ e-Receipt เท่านั้น เพื่อเร่งให้คนใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เร่งร้านค้าให้เข้าสู่ระบบ e-Tax Invoice เพื่อสร้างฐานภาษี ส่วนสินค้าและบริการอะไรบ้างนั้น จะสรุปกันอีกทีเร็ว ๆ นี้” นายจุลพันธ์กล่าว
