ตลท.มั่นใจปีหน้า SET ดีกว่าปีนี้ ยันตรวจจับ Naked Short Selling เข้มเทียบเท่าสากล

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ตลาดหลักทรัพย์ฯมั่นใจปีหน้า SET ดีกว่าปีนี้ ยืนยันตรวจจับ Naked Short Selling เข้มเทียบเท่าสากล ติดตามปีหน้านักท่องเที่ยวจีนกลับมา-เฟดลดอัตราดอกเบี้ย-ความขัดแย้งทางสงคราม

วันที่ 13 ธันวาคม 2566 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2567 โดยภาพรวมแล้วเชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนน่าจะดีขึ้น โดยดูจากงบประมาณภาครัฐที่จะทยอยออกมาตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นไป กับการท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งปัจจุบันยังกลับมาได้เพียง 40% ของช่วงก่อนโควิด ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ กลับมาได้ 80% จึงต้องรอดูว่าต้นปีนักท่องเที่ยวจะทยอยกลับมาหรือไม่

ด้านการจัดตั้งกองทุน Thai ESG มองว่าจะมีนักลงทุนจำนวนเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นปัจจัยบวกให้กับบริษัทที่เข้าอยู่ใน Set ESG Ratings พร้อมยังจะช่วยให้บริษัทเข้ามาทำในเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น และคาดว่าจะเป็นการลงทุนที่เป็น Long Term (การลงทุนระยะยาว) เพื่อวัยเกษียณได้

ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หากเริ่มลดดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ขณะเดียวกันปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงอยู่คือปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์จะขยายวงหรือไม่ ทั้งรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอลกับฮามาส เพราะจะมีผลต่อราคาน้ำมันให้กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีก

สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2566 SET Index ปิดที่ 1,380.18 จุด ปรับลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลง 17.3% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า ส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 45,804 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 28.9% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 11 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 54,399 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 10 โดยในเดือน พ.ย. 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 21,132 ล้านบาท

ด้าน ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2566 จะเห็นได้ว่าเป็นปีที่สภาพคล่องในตลาดหรือปริมาณการซื้อขายหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 15-30% เหมือนกันทั่วโลก แต่ในส่วนของตลาดหุ้นไทยอาจกระทบมากกว่า เพราะดัชนีหุ้นปรับลดลงมาค่อนข้างมากกว่าประเทศอื่น

อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นไทยจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และมองว่านักลงทุนมีแนวโน้มจะไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น (Risk-on) เพื่อหาผลตอบแทนมากขึ้น หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีทิศทางลดลง และเชื่อว่าเม็ดเงินจะไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น

สำหรับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund นั้น เชื่อว่าจะช่วยสร้างฐานนักลงทุนสถาบันที่จะใช้กองทุนรวม ให้มีจำนวนมากขึ้น และจะทำให้นักลงทุนเข้ามาใช้นักลงทุนสถาบันเป็นตัวกลางในการบริหารความเสี่ยง บริหารการลงทุน ให้กับนักลงทุนรายย่อย รวมถึงเป็นการลงทุนระยะยาว ที่ได้ประโยชน์ทางภาษี และหากภาครัฐเห็นประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนในระยะยาว มองว่าจะสามารถมีการออกกองทุนลักษณะดังกล่าวได้มากขึ้นในปี 2567

ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการปรับวิธีการทำงานและกฎต่าง ๆ ร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องการทำธุรกรรม “Naked Short Selling” และการทำธุรกรรมผ่านระบบส่งคำสั่งซื้อขายความถี่สูง “HFT” พร้อมยืนยันว่าระบบการตรวจสอบที่เข้มงวดของตลาดหลักทรัพย์ฯ เทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล